การปลูกข้าวด้วยต้นกล้าต้นเดียวต่อ 1 กอ System of Rice Intensification
วัตถุประสงค์ เพื่อการเพิ่มผลผลิตในพื้นที่ เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พันธุ์ข้าวพื้นบ้าน เพื่อคัดเลือก และผลิตเมล็ดพันธุ์ ด้วยการปลูกแบบข้าวกล้องต้นเดียว
การเตรียมเมล็ดพันธุ์ เลือกพันธุ์ข้าวที่เหมาะสมกับพื้นที่ คัดเลือกเมล็ดข้าวที่สมบูรณ์ คือ อวบ ใส และมีตาข้าว แช่เมล็ดพันธุ์ในน้ำประมาณ ๑๒-๒๔ ชั่วโมง ในน้ำอุ่น ๓๐-๔๐ องศาเซลเซียสจะดีที่สุด หากต้องการป้องกันโรคหรือแมลงไว้ล่วงหน้า เช่น โรคบั่ว ควร นำเมล็ดพันธุ์แช่น้ำเกลือ หรือ น้ำสะเดา ไว้ ๑ คืน จากนั้นเอาเมล็ดพันธุ์ผึ่งลมให้แห้ง
หมายเหตุ : เนื้อที่เพาะปลูก ๑ ไร่ ใช้เมล็ดพันธุ์ ๑ กิโลกรัม การเตรียมแปลงเพาะกล้า เลือกแปลงเพาะกล้าใกล้แปลงที่จะปลูกข้าว ทำแปลงเพาะกล้าให้เหมือนแปลงผัก โดยผสมปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักเพื่อให้ดินร่วนซุย เอาฟางคลุมพื้นที่แปลงไว้ จากนั้นรดน้ำให้มีความชุ่มชื้นในช่วงเช้า-เย็น (ไม่ควรรดน้ำในขณะที่แดดร้อนจัด) ความชื้นในแปลงควรเหมาะสม ไม่ควรให้น้ำท่วมแปลงโดยการทำทางระบายน้ำเล็กๆเพื่อให้น้ำไหลออก หรืออีกวิธีหนึ่งที่จะสะดวกต่อการขนย้ายต้นกล้า คือการเพาะเมล็ดในกระบะ ซึ่งจะช่วยลดเวลาในการขนย้ายแล้วยังช่วยทะนุถนอมต้นกล้าขณะเวลาปักดำ การเตรียมแปลงปักดำ หลังจากการเก็บเกี่ยวผลผลิต ควรไถกลบตอซัง แล้วบำรุงดินด้วยปุ๋ยอินทรีย์ชนิดต่างๆ เช่น พืชตระกูลถั่ว ปลูกพืชหลังนา เช่น โสนอัฟริกัน หรือจะทำปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก หว่านในนาก็ได้ ก่อนปักดำควรปรับที่นาให้ได้ระดับเดียวกัน และทำร่องน้ำตามขอบคันนาเพื่อช่วยในการระบายน้ำเข้า-ออก สูบน้ำเข้าแปลงนาให้ดินเป็นโคลนเหนียวข้น ไม่ควรปล่อยให้ดินเละหรือมีน้ำท่วมขัง การขนย้ายต้นกล้าออกจากแปลงเพาะ .ถอนกล้าเมื่อมีอายุ ๘-๑๒ วัน (มีใบ ๒ ใบเท่านั้น) อย่างระมัดระวัง ให้ต้นกล้ากระทบกระเทือนน้อยที่สุด ถอนต้นกล้าเบาๆตรงโคนต้น ใช้เครื่องมือเล็กๆ เช่น เกรียง หรือเสียม ขุดให้ลึกถึงใต้ราก ควรระวังอย่าให้ต้นกล้าหลุดออกจากเมล็ดพันธุ์และให้มีดินเกาะรากไว้บ้าง ๓.ระหว่างการย้ายกล้าต้องทำอย่างเบามือ ไม่ควรทิ้งกล้าไว้กลางแดดและรีบนำกล้าไปปักดำทันที (ภายใน ๑๕-๓๐ นาที) การปักดำ นำต้นกล้ามาปักดำอย่างเบามือ ใช้นิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้จับโคนราก แล้วนำไปปักให้รากอยู่ในแนวนอนลึกประมาณ ๑ เซนติเมตร ปักดำกล้าทีละต้น ให้มีความห่างของระยะต้นไม่น้อยกว่า ๒๕ เซนติเมตรเท่าๆกัน จนเหมือนสี่เหลี่ยมจัตุรัส (ควรปักดำในระยะห่าง ๓๐ x ๓๐ เซนติเมตร สำหรับแปลงนาขนาดเล็ก หรือ ๔๐ x ๔๐ เซนติเมตร สำหรับแปลงนาขนาดใหญ่) การบำรุงดูแลรักษา การจัดการน้ำ -แปลงเพาะปลูกควรปรับให้เรียบสม่ำเสมอ และทำร่องน้ำเพื่อช่วยในการระบายน้ำเข้า-ออก แปลงปักดำไม่ควรมีน้ำท่วมขัง เพียงแต่ทำให้ดินเป็นโคลนเท่านั้น ขณะที่ข้าวแตกหน่อ (๑-๒ เดือนหลังปักดำ) ปล่อยน้ำเข้านาให้สูง 2 เซนติเมตรทุกๆเช้า แล้วปล่อยน้ำออกในช่วงบ่าย หรือสามารถปล่อยทิ้งให้นาแห้งประมาณ ๒-๖ วัน -เมื่อข้าวแตกกอ ปล่อยให้แปลงข้าวแห้งลงไปในเนื้อดิน ไม่ต้องกังวลหากหน้าดินจะเป็นรอยแตกบนผิวโคลน ขณะที่ข้าวตั้งท้องจนเริ่มออกรวง ปล่อยให้น้ำท่วมสูงประมาณ ๑-๒ เซนติเมตรเท่านั้น ทันทีที่ต้นข้าวเริ่มลู่ลง เพราะน้ำหนักของเมล็ดข้าว ให้ปล่อยน้ำออกจากนาจนกว่าจะแห้งและถึงเวลาเก็บเกี่ยว การกำจัดวัชพืช ควรมีการกำจัดวัชพืชอย่างน้อย ๓ ครั้ง แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม ครั้งที่ ๑ เมื่ออายุข้าว ๑๐ วัน ครั้งที่ ๒ เมื่ออายุข้าว ๒๕-๓๐ วัน ครั้งที่ ๓ เมื่ออายุข้าว ๕๐-๖๐ วัน ทั้งนี้การกำจัดวัชพืช สามารถใช้เครื่องมือทุ่นแรง นอกจากนี้การจัดน้ำเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ หรือเอาฟางคลุมแปลงจะช่วยกำจัดวัชพืชได้ดี สำหรับการกำจัดศัตรูของข้าว เช่น ปู หอยเชอรรี่ ทำได้โดยการเลี้ยงกบ เลี้ยงเป็ดในนาข้าว แต่เมื่อข้าวออกรวงจะต้องห้ามเป็ดเข้านาโดยเด็ดข้าว หรือทำน้ำหมักชีวภาพฉีดพ่น ๑-๒ ครั้งก็เพียงพอ สำหรับวิธีการป้องกันนก ทำได้โดยการขึงเชือกเทปล้อมรอบแปลงนา เมื่อลมพัดจะทำให้เกิดเสียงดัง แล้วนกจะไม่มารบกวน
เหตุใด ปลูกข้าวต้นเดียวจึงได้ผลผลิตดีกว่า การใช้กล้าอายุสั้นและปักดำต้นเดียว ต้นกล้าที่มีอายุ ๘-๑๒ วัน หรือมีใบเล็กๆสองใบ และยังมีเมล็ดข้าวอยู่ จะช่วยให้ประสิทธิภาพในการเจริญเติบโตดีและการผลิตหน่อจะมีมาก การใช้กล้าต้นเดียวปักดำ จะช่วยในการแพร่ขยายของราก สามารถดูดซับธาตุอาหารได้ดีกว่าปลูกกล้าหลายต้น การปักดำให้ปลายรากอยู่ในแนวนอน ปลายรากจะชอนไชลงดินได้ง่ายและทำให้ต้นข้าวตั้งตัวได้เร็ว การปักดำในระยะห่างช่วยให้รากแผ่กว้างและได้รับแสงแดดมากขึ้น ง่ายต่อการกำจัดวัชพืช และประหยัดเมล็ดพันธุ์ ทำให้ข้าวแตกกอใหญ่ การจัดการน้ำ การปล่อยให้ข้าวเจริญเติบโตในดินที่แห้งสลับเปียกทำให้ข้าวสามารถดึงออกซิเจนจากอากาศได้โดยตรง และรากของต้นข้าวสามารถงอกยาวออกเพื่อหาอาหาร -การปล่อยให้มีน้ำท่วมขังในแปลง ทำให้ซากพืชเน่าเปื่อย และก่อให้เกิดก๊าซมีเทนปลดปล่อยขึ้นไปในชั้นบรรยากาศทำให้โลกร้อนขึ้น การปล่อยให้ต้นข้าวเจริญเติบโตในน้ำท่วมขัง ทำให้รากต้นข้าวต้องสร้างถุงลมเล็กๆ เพื่อดูดออกซิเจนจากผิวดินทำให้การส่งอาหารไปสู่หน่อและใบถูกรบกวน รากข้าวจะหายใจลำบาก ประโยชน์ที่ได้รับ ประหยัดเมล็ดพันธุ์ในการเพาะปลูก ประหยัดน้ำได้ครึ่งหนึ่งจากการทำนาแบบปกติ สามารถใช้ได้กับทุกสายพันธุ์ข้าว แต่หากต้องการผลผลิตสูงควรเลือกพันธุ์ข้าวที่เหมาะสมกับพื้นที่ และสภาพอากาศ จากประสบการณ์ของเกษตรกร พบว่าหากเป็นนาอินทรีย์ ผลผลิตจะเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย ๖๐ % และในประเทศลาวพบว่าเพิ่มขึ้นถึง ๑๐๐ % ประหยัดแรงงานในการลงกล้า (ประหยัดต้นทุนในการผลิต) การกำจัดวัชพืชทำได้ง่าย เพราะมีช่องว่างระหว่างกอข้าว หรือการควบคุมน้ำเข้า-ออก
ข้อมูลเพิ่มเติม มูลนิธิเกษตรกรรมยั่งยืน (ประเทศไทย) http://www.sathai.org/knowledge/06_grow_water/onerice_grow.htm
|