Neric-Club.Com
  ทรัพยากรคลับ
  พิพิธภัณฑ์หุ่นกระดาษ
  เปิดประตูสู่อาเซียน@
  พันธกิจขยายผล
  ชุมชนคนสร้างสื่อ
  คลีนิคสุขภาพ
  บริหารจิต
  ห้องข่าว
  ตลาดวิชา
   นิตยสารออนไลน์
  วรรณกรรมเพื่อเยาวชน
  ลมหายใจของใบไม้
  เรื่องสั้นปันเหงา
  อังกฤษท่องเที่ยว
  อนุรักษ์ไทย
  ศิลปวัฒนธรรมไทย
  ต้นไม้ใบหญ้า
  สายลม แสงแดด
  เตือนภัย
  ห้องทดลอง
  วิถีไทยออนไลน์
   มุมเบ็ดเตล็ด
  เพลงหวานวันวาน
  คอมพิวเตอร์
  ความงาม
  รักคนรักโลก
  วิถีพอเพียง
  สัตว์เลี้ยง
  ถนนดนตรี
  ตามใจไปค้นฝัน
  วิถีไทยออนไลน์
"ในยุคสมัยแห่งโลกแฟนตาซี ปลาใหญ่ไม่ทันกินปลาเล็ก ปลาเร็วไม่ทันกินปลาช้า ปลาตะกละฮุบเหยื่อโผงโผง โง่ยังเป็นเหยื่อคนฉลาด อ่อนแอเป็นเหยื่อคนเข้มแข็ง คนวิถึใหม่ต้องฉลาด เข้มแข็ง เสียงดัง มีเงินเป็นอาวุธ
ดูผลโหวด
 
 

'องค์ความรู้ในโลกนี้มีมากมาย
เหมือนใบไม้ในป่าใหญ่
มนุษย์เราเรียนรู้ได้
แค่ใบไม้หนึ่งกำมือของตนเอง
ผู้ใดเผยแผ่ความรู้
อันเป็นวิทยาทานแก่ผู้อื่น
นั่นคือกุศลอันใหญ่ยิ่ง'
 
องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า












           




             ซ่อมได้ 


สถิติผู้เยี่ยมชมเวปไซต์
14327255  

ตามใจไปค้นฝัน

ดัชนีชี้วัดความสุขของชาวภูฏาน ความสุขมวลรวมประชาชาติภูฏาน
"Gross National Happiness is more important than Gross National Product"
แปล ว่า ความสุขมวลรวมประชาชาติ สำคัญกว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ (Jigme Singye Wangchuck , King of Bhutan, 1972)
• คำตรัสของกษัตริย์แห่งประเทศเล็กๆ อย่างประเทศภูฏาน ที่อยู่ในหลืบของหิมาลัย กลายเป็นหัวข้อที่นักเศรษฐศาสตร์ทั่วโลกให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เพราะการใช้ดัชนีชี้วัดทางเศรษฐกิจเพื่อบ่งชี้ความเจริญก้าวหน้าหรือความอยู่ดีกินดีของคนนั้นมีปัญหาของมันอยู่ในตัวเอง
• ความสุขมวลรวมประชาชาติ หรือ GNH
• ภูฏานได้สร้างแนวคิดใหม่ในการนิยามความเจริญก้าวหน้าแบบองค์รวม โดยการวัดความอยู่ดีมีสุขที่แท้จริงมากกว่าการบริโภค และกลายเป็นผู้นำในการเผยแพร่แนวคิดเรื่อง “ความสุขมวลรวมประชาชาติ” (Gross National Happiness : GNH) ซึ่งแนวคิดเรื่อง GNH ริเริ่มโดย King Jigme Singye Wangchuck กษัตริย์ภูฏาน ตั้งแต่วันที่ทรงขึ้นครองราชย์ในปี ค.ศ. 1972
• GNH ไม่ใช่ เป็นเพียงปรัชญาที่เลื่อนลอย หรือเกิดขึ้นมาเพื่อต่อต้านแนวความคิดของการคำนวณผลผลิตรายได้มวลรวมประชา ชาติ Gross National Product หรือ GNP แต่นโยบายและการดำเนินการปกครองภายใต้การบริหารราชการแผ่นดินของสมเด็จพระ ราชาธิบดี แห่งภูฏาน ได้ทำให้ปรากฏแล้วว่า GNH ไม่ใช่หลักการที่เลื่อนลอย ประชาชนของพระองค์ มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น...โดยไม่ต้องหวังพึ่งการพัฒนาจากต่างประเทศ มากเกินควร โดยไม่พิจารณาเทียบเคียงกับหลักการผลผลิตมวลรวมประชาชาติเป็นตัวเลขเทียบกับ ของประเทศอื่น...แต่ใช้ดัชนีชี้วัดจากการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขของชาวภูฏาน เป็นดัชนีชี้วัดแทน
• ทำให้ภูฏานมีระบบเศรษฐกิจที่มุ่งรักษาวัฒนธรรมและค่านิยมทางพุทธศาสนาของภูฏานไว้ท่ามกลางกระแสโลกาภิวัฒน์ โดยแนวคิดเรื่อง GNH เป็นการวัดการพัฒนาประเทศที่ไม่ได้เน้นตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่เน้น “ความสุข” ที่แท้จริงของคนในสังคม ซึ่งปัจจุบันแนวคิดเรื่อง GNH กำลังได้รับความสนใจจากนักวิชาการหลายประเทศ เนื่องจากเล็งเห็นว่าการพัฒนาเศรษฐกิจมิได้เป็นปัจจัยเดียวและปัจจัยสำคัญที่สุดของความสุข หากแต่การมุ่งพัฒนาเศรษฐกิจทำให้เกิดผลเสียหายต่างๆ มากมาย ทั้งความไม่เป็นธรรมทางสังคม การสูญเสียความสมดุลทางธรรมชาติ และมลภาวะแวดล้อมเป็นพิษ
• แนวคิดเรื่องความสุขมวลรวมประชาชาติหรือ GNH ยึดหลักว่า การพัฒนาสังคมมนุษย์ที่แท้จริงเกิดจากการพัฒนาทางด้านวัตถุและจิตใจควบคู่กันไป เพื่อเติมเต็มและส่งเสริมซึ่งกันและกัน GNH ในบริบทของภูฏานจึงเป็นรูปแบบการพัฒนาที่มุ่งเน้นการสร้างสภาพแวดล้อมที่ประชากรทุกคนมีโอกาสพบความสุขได้อย่างเท่าเทียมกัน โดยมีหลักการสำคัญ 4 ประการ หรือ เสาหลักแห่งความสุขทั้งสี่ (Four pillars of happiness) คือ
• ประการที่ 1 การพัฒนาเศรษฐกิจอย่างเท่าเทียมและยั่งยืน(Sustainable economic development) การเข้ามาของระบบทุนนิยมในภูฏานจะเป็นไปอย่างเชื่องช้า โดยสิ่งที่เกิดขึ้นดีหรือไม่ ให้เอาความสุขของชาวภูฏานเป็นตัวตัดสินไม่ใช่วัดที่จำนวนเงินและทรัพย์สินที่เป็นวัตถุสิ่งของ เพื่อให้การพัฒนาเศรษฐกิจเป็นไปอย่างยั่งยืนและเสมอภาค
• ประการที่ 2 การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ (Conservation of Environment) การพัฒนาใดๆ จะต้องไม่ทำลายความสมดุลระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ ภูฏานจึงยกเลิกการค้าไม้กับต่างชาติ ส่งเสริมให้มีการอนุรักษ์ป่าไม้ และปลูกเพิ่มเติม รวมถึง สัตว์ป่าก็ได้รับการดูแลอย่างดี โดย 26% ของพื้นที่ประเทศทั้งหมดถูกจำกัดให้เป็นเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่า
• ประการที่ 3 การส่งเสริมและสงวนรักษาวัฒนธรรมประเพณี (Preservation and Promotion of Culture) รัฐบาลก็จะส่งเสริมและให้ชาวภูฏานยึดถือและปฏิบัติตามแบบแผนดั้งเดิมที่เคยทำกันมา เช่นวัฒนธรรมการแต่งกาย การสร้างบ้านเรือนที่อยู่อาศัย ความเชื่อและการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา แต่ส่วนวัฒนธรรมตามกระแสทุนนิยม รัฐบาลเองต้องเป็นคนคัดเลือกที่จะรับและผ่อนปรนในเกณฑ์ปฏิบัติ รวมทั้งการให้การศึกษากับเด็กชาวภูฏาน ที่ต้องให้ความรู้ทางศาสนา ประเพณี วัฒนธรรม ควบคู่ไปกับตำราเรียนทางวิชาการด้วย
• ประการที่ 4 การส่งเสริมการพัฒนาธรรมาภิบาล (Good Governance) คือเน้นให้ชาวภูฏานดำรงชีวิตบนพื้นฐานที่จะช่วย พัฒนาสังคมทั้งระบบให้มีคุณภาพและมีประสิทธิภาพโดยยึดถือหลัก 6 ประการ เช่นความซื่อสัตย์สุจริต ความมีคุณธรรมจริยธรรม เป็นต้น

• ปัจจุบันภูฏานมีประชากรราว 2.2 ล้านคน ส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ และ 90% ทำงานในภาคเกษตรกรรม ซึ่งหากจะวัดดัชนีความร่ำรวยจาก GDP หรือ GNP แล้ว ภูฏานจัดอยู่ในประเทศที่ยากจนที่สุดในโลกเป็นลำดับที่ 191 จากจำนวน 226 ประเทศ แต่ชาวภูฏานทุกคนจะมีที่ดินทำกินที่รัฐบาลจัดสรรให้ 10 ไร่ ภายใต้การปกครองที่มุ่งการพัฒนาให้ประชาชนมีความสุขมากกว่าอย่างอื่น
• ตัวอย่างหนึ่งของปรัชญา GNH ก็คือ นโยบายจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเข้ามาในภูฏานในแต่ละปี แม้ภูฏานจะมีรายได้หลักจากการท่องเที่ยวแต่ก็ระมัดระวังในการเปิดประตูรับ ผู้คนและไม่ยอมแปรประเทศให้เป็นทุนเหมือนประเทศอื่นที่มุ่งเน้นการขาย วัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมเพื่อแลกกับเงินตราต่างประเทศอย่างไม่ลืมหูลืมตา ภูฏานยังเน้นการรักษาป่าไม้ไว้ได้ถึงร้อยละ 66 และเก็บภาษีท่องเที่ยวต่อหัวถึงวันละ 200 เหรียญสหรัฐ เพื่อจำกัดปริมาณนักท่องเที่ยวไม่ให้เกินปีละ 8,000 คน ดังนั้นการเดินทางไปท่องเที่ยวภูฏานจึงมีค่าใช้จ่ายสูง แต่ก็คุ้มค่าเมื่อแลกกับสภาพธรรมชาติและวัฒนธรรมที่ยังได้รับการดูแลรักษา ไว้อย่างดี
• นโยบายการปลูกป่าทดแทนอย่างเคร่งครัดเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ทำให้ภูฏานยังมีพื้นที่ป่ามากกว่าร้อยละ 70 ของประเทศ , นโยบายส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจอย่างค่อยเป็นค่อยไป และยังคงมีหลักเกณฑ์และมาตรฐานที่ชัดเจนเกี่ยวกับการเข้ามาลงทุนของนักธุรกิจจากต่างประเทศ เพื่อรักษาแนวทางการพัฒนาของประเทศภูฏาน โดยยึดหลักความสุขมวลรวมประชาชาติไว้
• แต่ GNH ของภูฏานก็ยังมีปัญหาอยู่ไม่น้อยเช่นกัน เนื่องจากทางรัฐบาลภูฏานเองก็ยังมิได้มีการพัฒนาดัชนีชี้วัดความสุข หรือกำหนดองค์ประกอบของความสุขมวลรวมประชาชาติหรือความสุขของปัจเจกบุคคลและไม่มีการพัฒนาตัวชี้วัดทั้งเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ และวิธีการรวบรวมคำนวณวัดออกมาอย่างลงตัว
• การดำเนินนโยบายตามแนวทางเรื่องความสุขมวลรวมประชาชาติของรัฐบาลภูฏานในทุกวันนี้นั้น เป็นไปในรูปแบบของการพัฒนาประเทศโดยไม่ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ วิถีชีวิต และวัฒนธรรมประเพณีของคนในท้องถิ่น รวมทั้งพยายามปลูกฝังคุณค่าของแนวคิดเรื่องความสุขมวลรวมประชาชาติให้แก่ประชาชนรุ่นใหม่โดยผ่านทางระบบการศึกษาและสื่อแห่งชาติ โดยสอดคล้องกับคำสอนของศาสนาพุทธที่ว่า ความสุขที่แท้จริงมิได้เกิดจากการบริโภควัตถุ แต่เกิดจากสภาวะทางจิต และกิจกรรมทางเศรษฐกิจเป็นเพียงปัจจัยสนับสนุนให้มนุษย์มีชีวิตที่ดีงาม

ดัชนีชี้วัดความสุขของชาวภูฏาน ความสุขมวลรวมประชาชาติภูฏาน
• "Gross National Happiness is more important than Gross National Product"
แปล ว่า ความสุขมวลรวมประชาชาติ สำคัญกว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ (Jigme Singye Wangchuck , King of Bhutan, 1972)
• คำตรัสของกษัตริย์แห่งประเทศเล็กๆ อย่างประเทศภูฏาน ที่อยู่ในหลืบของหิมาลัย กลายเป็นหัวข้อที่นักเศรษฐศาสตร์ทั่วโลกให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เพราะการใช้ดัชนีชี้วัดทางเศรษฐกิจเพื่อบ่งชี้ความเจริญก้าวหน้าหรือความอยู่ดีกินดีของคนนั้นมีปัญหาของมันอยู่ในตัวเอง
• ความสุขมวลรวมประชาชาติ หรือ GNH
• ภูฏานได้สร้างแนวคิดใหม่ในการนิยามความเจริญก้าวหน้าแบบองค์รวม โดยการวัดความอยู่ดีมีสุขที่แท้จริงมากกว่าการบริโภค และกลายเป็นผู้นำในการเผยแพร่แนวคิดเรื่อง “ความสุขมวลรวมประชาชาติ” (Gross National Happiness : GNH) ซึ่งแนวคิดเรื่อง GNH ริเริ่มโดย King Jigme Singye Wangchuck กษัตริย์ภูฏาน ตั้งแต่วันที่ทรงขึ้นครองราชย์ในปี ค.ศ. 1972
• GNH ไม่ใช่ เป็นเพียงปรัชญาที่เลื่อนลอย หรือเกิดขึ้นมาเพื่อต่อต้านแนวความคิดของการคำนวณผลผลิตรายได้มวลรวมประชา ชาติ Gross National Product หรือ GNP แต่นโยบายและการดำเนินการปกครองภายใต้การบริหารราชการแผ่นดินของสมเด็จพระ ราชาธิบดี แห่งภูฏาน ได้ทำให้ปรากฏแล้วว่า GNH ไม่ใช่หลักการที่เลื่อนลอย ประชาชนของพระองค์ มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น...โดยไม่ต้องหวังพึ่งการพัฒนาจากต่างประเทศ มากเกินควร โดยไม่พิจารณาเทียบเคียงกับหลักการผลผลิตมวลรวมประชาชาติเป็นตัวเลขเทียบกับ ของประเทศอื่น...แต่ใช้ดัชนีชี้วัดจากการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขของชาวภูฏาน เป็นดัชนีชี้วัดแทน
• ทำให้ภูฏานมีระบบเศรษฐกิจที่มุ่งรักษาวัฒนธรรมและค่านิยมทางพุทธศาสนาของภูฏานไว้ท่ามกลางกระแสโลกาภิวัฒน์ โดยแนวคิดเรื่อง GNH เป็นการวัดการพัฒนาประเทศที่ไม่ได้เน้นตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่เน้น “ความสุข” ที่แท้จริงของคนในสังคม ซึ่งปัจจุบันแนวคิดเรื่อง GNH กำลังได้รับความสนใจจากนักวิชาการหลายประเทศ เนื่องจากเล็งเห็นว่าการพัฒนาเศรษฐกิจมิได้เป็นปัจจัยเดียวและปัจจัยสำคัญที่สุดของความสุข หากแต่การมุ่งพัฒนาเศรษฐกิจทำให้เกิดผลเสียหายต่างๆ มากมาย ทั้งความไม่เป็นธรรมทางสังคม การสูญเสียความสมดุลทางธรรมชาติ และมลภาวะแวดล้อมเป็นพิษ
• แนวคิดเรื่องความสุขมวลรวมประชาชาติหรือ GNH ยึดหลักว่า การพัฒนาสังคมมนุษย์ที่แท้จริงเกิดจากการพัฒนาทางด้านวัตถุและจิตใจควบคู่กันไป เพื่อเติมเต็มและส่งเสริมซึ่งกันและกัน GNH ในบริบทของภูฏานจึงเป็นรูปแบบการพัฒนาที่มุ่งเน้นการสร้างสภาพแวดล้อมที่ประชากรทุกคนมีโอกาสพบความสุขได้อย่างเท่าเทียมกัน โดยมีหลักการสำคัญ 4 ประการ หรือ เสาหลักแห่งความสุขทั้งสี่ (Four pillars of happiness) คือ
• ประการที่ 1 การพัฒนาเศรษฐกิจอย่างเท่าเทียมและยั่งยืน(Sustainable economic development) การเข้ามาของระบบทุนนิยมในภูฏานจะเป็นไปอย่างเชื่องช้า โดยสิ่งที่เกิดขึ้นดีหรือไม่ ให้เอาความสุขของชาวภูฏานเป็นตัวตัดสินไม่ใช่วัดที่จำนวนเงินและทรัพย์สินที่เป็นวัตถุสิ่งของ เพื่อให้การพัฒนาเศรษฐกิจเป็นไปอย่างยั่งยืนและเสมอภาค
• ประการที่ 2 การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ (Conservation of Environment) การพัฒนาใดๆ จะต้องไม่ทำลายความสมดุลระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ ภูฏานจึงยกเลิกการค้าไม้กับต่างชาติ ส่งเสริมให้มีการอนุรักษ์ป่าไม้ และปลูกเพิ่มเติม รวมถึง สัตว์ป่าก็ได้รับการดูแลอย่างดี โดย 26% ของพื้นที่ประเทศทั้งหมดถูกจำกัดให้เป็นเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่า
• ประการที่ 3 การส่งเสริมและสงวนรักษาวัฒนธรรมประเพณี (Preservation and Promotion of Culture) รัฐบาลก็จะส่งเสริมและให้ชาวภูฏานยึดถือและปฏิบัติตามแบบแผนดั้งเดิมที่เคยทำกันมา เช่นวัฒนธรรมการแต่งกาย การสร้างบ้านเรือนที่อยู่อาศัย ความเชื่อและการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา แต่ส่วนวัฒนธรรมตามกระแสทุนนิยม รัฐบาลเองต้องเป็นคนคัดเลือกที่จะรับและผ่อนปรนในเกณฑ์ปฏิบัติ รวมทั้งการให้การศึกษากับเด็กชาวภูฏาน ที่ต้องให้ความรู้ทางศาสนา ประเพณี วัฒนธรรม ควบคู่ไปกับตำราเรียนทางวิชาการด้วย
• ประการที่ 4 การส่งเสริมการพัฒนาธรรมาภิบาล (Good Governance) คือเน้นให้ชาวภูฏานดำรงชีวิตบนพื้นฐานที่จะช่วย พัฒนาสังคมทั้งระบบให้มีคุณภาพและมีประสิทธิภาพโดยยึดถือหลัก 6 ประการ เช่นความซื่อสัตย์สุจริต ความมีคุณธรรมจริยธรรม เป็นต้น

• ปัจจุบันภูฏานมีประชากรราว 2.2 ล้านคน ส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ และ 90% ทำงานในภาคเกษตรกรรม ซึ่งหากจะวัดดัชนีความร่ำรวยจาก GDP หรือ GNP แล้ว ภูฏานจัดอยู่ในประเทศที่ยากจนที่สุดในโลกเป็นลำดับที่ 191 จากจำนวน 226 ประเทศ แต่ชาวภูฏานทุกคนจะมีที่ดินทำกินที่รัฐบาลจัดสรรให้ 10 ไร่ ภายใต้การปกครองที่มุ่งการพัฒนาให้ประชาชนมีความสุขมากกว่าอย่างอื่น
• ตัวอย่างหนึ่งของปรัชญา GNH ก็คือ นโยบายจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเข้ามาในภูฏานในแต่ละปี แม้ภูฏานจะมีรายได้หลักจากการท่องเที่ยวแต่ก็ระมัดระวังในการเปิดประตูรับ ผู้คนและไม่ยอมแปรประเทศให้เป็นทุนเหมือนประเทศอื่นที่มุ่งเน้นการขาย วัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมเพื่อแลกกับเงินตราต่างประเทศอย่างไม่ลืมหูลืมตา ภูฏานยังเน้นการรักษาป่าไม้ไว้ได้ถึงร้อยละ 66 และเก็บภาษีท่องเที่ยวต่อหัวถึงวันละ 200 เหรียญสหรัฐ เพื่อจำกัดปริมาณนักท่องเที่ยวไม่ให้เกินปีละ 8,000 คน ดังนั้นการเดินทางไปท่องเที่ยวภูฏานจึงมีค่าใช้จ่ายสูง แต่ก็คุ้มค่าเมื่อแลกกับสภาพธรรมชาติและวัฒนธรรมที่ยังได้รับการดูแลรักษา ไว้อย่างดี
• นโยบายการปลูกป่าทดแทนอย่างเคร่งครัดเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ทำให้ภูฏานยังมีพื้นที่ป่ามากกว่าร้อยละ 70 ของประเทศ , นโยบายส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจอย่างค่อยเป็นค่อยไป และยังคงมีหลักเกณฑ์และมาตรฐานที่ชัดเจนเกี่ยวกับการเข้ามาลงทุนของนักธุรกิจจากต่างประเทศ เพื่อรักษาแนวทางการพัฒนาของประเทศภูฏาน โดยยึดหลักความสุขมวลรวมประชาชาติไว้
• แต่ GNH ของภูฏานก็ยังมีปัญหาอยู่ไม่น้อยเช่นกัน เนื่องจากทางรัฐบาลภูฏานเองก็ยังมิได้มีการพัฒนาดัชนีชี้วัดความสุข หรือกำหนดองค์ประกอบของความสุขมวลรวมประชาชาติหรือความสุขของปัจเจกบุคคลและไม่มีการพัฒนาตัวชี้วัดทั้งเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ และวิธีการรวบรวมคำนวณวัดออกมาอย่างลงตัว
• การดำเนินนโยบายตามแนวทางเรื่องความสุขมวลรวมประชาชาติของรัฐบาลภูฏานในทุกวันนี้นั้น เป็นไปในรูปแบบของการพัฒนาประเทศโดยไม่ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ วิถีชีวิต และวัฒนธรรมประเพณีของคนในท้องถิ่น รวมทั้งพยายามปลูกฝังคุณค่าของแนวคิดเรื่องความสุขมวลรวมประชาชาติให้แก่ประชาชนรุ่นใหม่โดยผ่านทางระบบการศึกษาและสื่อแห่งชาติ โดยสอดคล้องกับคำสอนของศาสนาพุทธที่ว่า ความสุขที่แท้จริงมิได้เกิดจากการบริโภควัตถุ แต่เกิดจากสภาวะทางจิต และกิจกรรมทางเศรษฐกิจเป็นเพียงปัจจัยสนับสนุนให้มนุษย์มีชีวิตที่ดีงาม



หน้าที่ :: 5   6   7   8   9   10   11   12   13   14   15  


Copyright © 2012 Neric-Club.Com All Rights Reserved