นายกฯ มหาเธร์ได้ไปอธิบายให้ชัดขึ้นที่ท่านจะไม่ยอมให้วีซ่าระยะยาวแก่ผู้เข้าอยู่อาศัยในโครงการหรูนี้ โดยเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (1 กันยายน) ไปกล่าวปาฐกถา “อนาคตของภูมิบุตร (หรือเจ้าของแผ่นดิน)” ว่า “ถ้าเรายอมให้คนจีน 3 ล้านคนเข้ามาอยู่ในประเทศ อะไรจะเกิดขึ้นกับเราล่ะ พวกเขาเป็นคนที่ทำงานหนัก, เฉลียวฉลาด และมีความรู้ดีมากเรื่องการทำธุรกิจ...พวกเขาไม่ใช่ผู้ใช้แรงงานนะ...แต่ประสบผลสำเร็จอย่างดีทางธุรกิจ แล้วพวกเราจะแข่งกับพวกเขาได้รึ?...เราต้องยอมรับจุดอ่อนของพวกเรา และจะต้องปกป้องพวกเรากันเอง จนกว่าเรามีความสามารถพอจะแข่งขันสู้กับพวกเขาได้...พวกเขาจะเข้ามากวาดซื้อที่ดินของพวกเราจนหมด และพวกเราก็จะต้องขยับหนีไกลออกไปจากเมืองใหญ่ ไปอยู่ตามชายป่า...หรืออาจต้องเข้าไปอยู่ในป่าด้วยซ้ำ...นี่เป็นสิ่งที่ผมมองเห็นภาพที่กำลังจะเกิดขึ้น...พวกเขาจะเข้ามาเป็นเจ้าของที่ดินผืนใหญ่ๆ และพัฒนาเมืองหรูๆ ให้เกิดขึ้น ซึ่งพวกเราจะไม่มีปัญญาเข้าพักอาศัยอยู่ในเมืองหรูๆ เหล่านี้ เพราะราคาแพงมาก”
ท่านยังได้พูดเสริมอีกว่า “ในช่วงชีวิตของผม ได้พบเห็นพวกคนจีนที่ได้อพยพเข้ามาเลเซียในฐานะผู้ใช้แรงงาน พวกเขาจะเพาะและขายถั่วงอก และทำเต้าหู้ขาย; ตอนนั้น ชาวมาเลย์ที่ร่ำรวยจะจ้างคนจีนเป็น “อาม่า” ไว้เป็นพี่เลี้ยงของลูกๆ...ซึ่งต่อมาบรรดาลูกหลานจีนเหล่านี้ได้ประสบผลสำเร็จจนกลายเป็นเศรษฐีมากมายในแผ่นดินนี้”
น่าคิดสำหรับคนจีนรุ่นใหม่ที่ต่างกับคนจีนรุ่นเสื่อผืนหมอนใบที่เข้ามาเป็นกุลีทำงานหนัก หนีความยากจนข้นแค้นในแผ่นดินใหญ่ และประสบผลสำเร็จจนได้เป็นเศรษฐีในดินแดนสุวรรณภูมิ และอุษาคเนย์แห่งนี้ เพราะคนจีนรุ่นใหม่เติบโตมาเป็นลูกชายคนเดียวแบบจักรพรรดิ ที่ต่อสู้อย่างไม่มีปรานีปราศรัยหรือผูกผันกับเจ้าของแผ่นดินที่เขาเข้ามาตั้งรกรากใหม่ด้วยซ้ำ https://mgronline.com/daily/detail/9610000088221 อยากให้นายกไทย มีวิสัยทัศน์ เช่นคุณปู่มหาเดห์มั่ง ช่วยแชร์ต่อๆกันไป
|