จอมยุทธ-จอมย้วย
เสนอตัวเข้ารับการพัฒนาตัวเองในกิจกรรมที่สนใจ กลับได้รับคำสั่งสวนทางมาให้จัดทีมพัฒนาผู้อื่นในกิจกรรมเดียวกันให้ฉันรับบทวิทยากรอีกแล้ว มาดฉันครือวิทยาทร (วิทยา+อาทร) หรือวิทยาหรณ์(วิทยา+อุทาหรณ์) ล่ะเนี่ยสงสัยจะเป็นอย่างหลัง "อย่าได้เอาเยี่ยงอย่าง" งึ้ย ..ดูถูกตัวเองอีกหล่ะ เอาเหอะสะสมเกียรติภูมิฝาผนังไว้ภูมิใจยามเป็นไม้ใกล้ฝั่งใช่ว่าไม่รู้สึกรู้สา ลึกลึกแล้วปอดฉันก็ซ่อมบ่อยๆ เหมือนกัน ปอดแหกกกจริงจริงแล้วฉันไม่พิศวาทการเป็นเป้านิ่งต่อหน้าสาธารณชนสักเท่าไหร่แต่หลายปีที่ผ่านมาฉันตกกะไดพลอยโจนรับงานนี้มาตลอดอย่าง งง งง คราวนี้หลักสูตรพิเศษทำให้ต้องกระโจนไปหารื้อค้นตำรับตำราให้ความรู้คนอื่นไปหมดแล้วหนิ ฉันกลัวจะเป็นคนตกรุ่น ไม่เคลื่อนไหว ไม่อัพเดทกลัวที่สุดก็คือ การทำให้คนอื่นผิดหวัง แม้หลายคนจะเชื่อว่า การหยุดอยู่กับที่ดีกว่าการก้าวถอยหลัง แต่ฉันมั่นใจ การก้าวไปข้างหน้า (ถึงจะเชื่องช้างุ่มง่าม )ย่อมต้องดีกว่าการยืนนิ่งนิ่งอยู่ที่เดิม เหมือนทุกครั้ง เมื่อไหร่ต่อมต่างๆเฉพาะกิจภายนอกภายในฉันถูกกระตุ้น ที่แห่งแรกที่นึกถึง "บ้าน" ฉันดุ่มดุ่มกลับบ้าน มุมเดิมของฉัน ห้องสมุดของพ่อที่ไม่เคยเจื่อนวิทยายุทธ ใช่แล้ว "ห้องสมุดของพ่อ" ไม่เคยร้าง ก็ฉันเติมอะไรอะไรเก่าใหม่ไว้ที่นั่นเสมอ วิชาหลักของฉัน "กำลังใจ" ในทุกครั้งที่กลับไปหยุดพัก หายใจเต็มปอด แล้วฉันก็กลับมาอย่างคนเติมเต็ม " หนทางไปสู่ชัยชนะ ผู้คนต่างพกพาความมั่นใจออกเดินทางไขว่คว้า ระหว่างทางได้ผ่านพายุฝน ฝ่าสายลมหนาวเหน็บ ผ่านอุปสรรคปัญหามากมาย หลายคราวล้ม หลายครั้งท้อ แต่เมื่อได้ลุกขึ้นยืนหยัดใหม่ ต่างก็เร่งก้าวเท้าเดินกันต่อไป " คิดไหม จากจุดเริ่มต้น ที่ผู้คนต่างพากันดุ่มเดินเผชิญโชคชะตา กว่าจะถึงจุดสุดท้ายที่ปลายทาง สักกี่คนนะที่จะหลงเหลืออยู่ด้วยความมานะอดทน" หวังเสมอ ขอเป็นคนหนึ่งที่ฟันฝ่าไปได้จนถึงปลายทาง.
ลมร้อนผ่านผิวกาย ไม่เท่าไหร่นะพอทนได้ มันก็อย่างนี้มาชั่วนาตาปี ..สามฤดูของประเทศไทย.. ที่ร้อนรุ่มรุ่มอยู่ในใจนี่ซี ฉันอยู่กับที่ไม่ไหว ผู้คนรอบกายน่าเบื่อหน่ายไม่รู้พูดคุยอะไรกันนักหนา น่ารำคาญ จำเจซ้ำซาก หาที่สิ้นสุดไม่ได้มากคนมากความ ไม่ฟังละ ไปดีกว่าแล้วจะมาฟังผลทีหลังแล้วกัน.. ฉันคนเดียวไม่ได้ชี้ความเป็นความตายของใคร ฉันคนเดียวยิ่งไม่อาจเปลี่ยนความคิดของใครตามสบายนะชาวโลก แล้วจะกลับมาปั้นหน้าเห็นด้วยรับรู้ก่อนหลัง แตกต่างกันยังไง ก็แค่รับรู้เหมือนกัน เท่ากันรับรู้ในสิ่งที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลง รับรู้ในข้อตกลงร่วมกันของคนอื่น.. ฉันมีความเห็นที่เงียบงัน แตกต่างแต่ไม่มีน้ำหนัก ไร้น้ำหนักสูญญากาศ ความเหงากับความรู้สึกบางอย่างที่เกาะกินใจพาฉันควงพวงมาลัยไปเรื่อยเปื่อย บนซุปเปอร์ไฮเวย์เส้นทางเดิม ไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับความคับคั่งของจราจรวันสุดสัปดาห์ ทางสี่ช่องทางส่งฉันกับพาหนะคู่ใจโฉบฉิวเลาะถนนเลี่ยงเมือง ทำถนนกันอีกแล้ว กรวด หิน ดิน ทราย ร่วงกรูกราวจากรถบรรทุกหิน .. ไหนล่ะกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค ..รถขนดินที่ฉันแซงมากว่าห้าคัน ไม่มีผ้าคลุมอย่างที่กำหนดสักคัน แบคโฮงุ่มง่ามข้างถนน ดูเหมือนจะกำลังตั้งหน้าตั้งตาขุดคลอง พื้นที่ห่างกันช่วงสองสามหมู่บ้าน บ้างก็จะขุด บ้างก็จะถม เฮอะ.เกี่ยวอะไรกับฉันล่ะ ปล่อยปล่อยมันผ่านไปอีกสักเรื่องเถอะน่า ซีดานใหม่เอี่ยมทะยานตีคู่มา ความสนใจฉันถูกเบี่ยงเบน เพิ่งรู้ตัวแน่ชัดวันนี้ .. ฉันบ่มเพาะนิสัยตะแบง ชิงดีชิงเด่นแข่งขันบนถนนคอนกรีต ! ทางออกทางใหม่ของฉันหรือไร? สังเกตตัวเองมาหลายครั้ง ฉันมีความสุขกับการได้เบียดปาดหน้าแซงรถคันอื่นๆ โดยเฉพาะรถป้ายแดงฉันพอใจกับชัยชนะของตัวเอง .ถ้าวันไหนไม่ได้ประลองความเร็ว เหงา..บางวันพบเข็มไมล์พุ่งขึ้นลิ่วๆสูงกว่า 180 ไม่สะทกสะท้าน ไม่หวั่นไม่ไหว บางวันพบตัวเองแทรกไประหว่างรถทัวร์สองคัน หรือฉันไม่เสียดายชีวิต หรือฉันไม่กลัวความตาย หรือฉันเพี้ยนแล้ว ฉันเพี้ยนไปแล้ว.. บางที.. ฉันอาจต้องหาเวลาไปพบจิตแพทย์ ฉันมองเห็นความผิดปกติชัดเจนขึ้นทุกวัน ทุกวัน ฉันเริ่มเซ็งตัวเอง..เบื่อคนรอบข้าง..มันใช่แล้วเนี่ย. . โอ้..นครศรีฯ ช่างมีมนต์ ..ฉันจะเป็นสะไภ้ชาวนครศรี ศรีธรรมราช? ไม่ใช่ ศรีอยุธยา เปล่า ..นครศรี? อืมม์ ..ศรีธัญญา.. แต่..เอ..คนข้างหน้าเป็นยิ่งกว่าฉันแห่ะ.. โน่นๆแซงลิ่วลิ่วไปแล้ว ป้ายแดงสว่างโพลน เฮอะ... บีบแตรลั่นถนนเลย..จะแซงรถรับส่งนักเรียน.. อ๋า..ฝ่าไฟแดง..คงไม่อยากต่อท้ายไทยแลนด์ ล่ะซี ไปแล้ว..ไปจอดสยบเสียงนกหวีดจราจรฝั่งโน้นเถอะ.. อืมม์..มีคนอื่นเพี้ยนกว่าฉัน คนอื่นต่างหากที่เพี้ยนไป.. ไม่ดูตาม้าตาเรือ อะโห ใส่สูทผูกไทโก้ ทะเลาะกับตำรวจอยู่ตรงนั้นเหอะ ฉันไปหล่ะ มีธุระต้องรีบไปทำ โน่นไง ธุระของฉัน รถป้ายแดงอีกคันข้างหน้าตะบึงไปนั่น จะรีบไปไหน ฉันจะตามไปดู..
บ้านเมืองในวันปิดเทอมเงียบสงบถนนหนทางว่างเปล่า อยากให้เป็นอย่างนี้นานนาน ไม่ได้ซีการศึกษาไทยต้องไม่ล้มลุกคลุกคลาน ต้องไม่บอบช้ำมากไปกว่านี้ การศึกษาไทยต้องก้าวไกลเหมือนประชาธิปไตยที่ไม่มีวันหยุดนิ มอเตอร์ไซค์สีจ๊าบพุ่งปราดแซงไปหนึ่ง เออ..รีบก็ไปก่อนเหอะฉันไม่รีบร้อนความสุขไม่ได้อยู่เพียงปลายทางฉันเก็บเกี่ยวความสุขระหว่างทางร้านรวง อาคารพานิชย์เติบโตขยายอาณาเขตคนหน้าเดิมที่เคยคุ้นบางตา ผู้คนแปลกหน้ามาแทนที่บางที ฉันอาจวิ่งตามอายุตัวเองไม่ทันแล้ว สองหนุ่มบนมอเตอร์ไซด์รุ่นใหม่กระแซะบั้นท้ายโฉบเฉี่ยวข้างหน้ามีหนึ่งสาวมอเตอร์ไซด์อ้อยอิ่งอยู่แล้วผมยาวสลวยจรดกลางหลังนั่นคงมีพลังดึงดูดหนุ่มเจ้าชลอความเร็วตีคู่ ทำท่าจะวางมือบนเรียวขายาวขาวเนียนที่โผล่พ้นกางเกงขาสั้นแต่กลับเปลี่ยนใจส่งเสียงเป่าปากดังลั่นลอดผ่านกระจกมาให้ได้ยินตำหนิอยู่ในใจทำไมไม่รู้จักระวังรักษาตัวเองแดดเปรี้ยงขนาดนั้นแม่เจ้าประคุณยังใส่เสื้อเปลือยแขนนึกว่าชมแสงจันทร์อยู่หรืออย่างไร จังหวะที่กำลังจะเร่งแซงคุณเธอก็เปิดไฟขวาแล้วตั้งท่าจะเลี้ยวเข้าแยกหน้ากระทันหันฉันเหยียบเบรคพรืดปรายตาเห็นวัตถุความเร็วสีบรอนซ์วิ่งหากระจกขวาลิ่วๆ ขนหัวฉันลุกซ่าไปหมดทั้งตัวตะปบมือขวาไปบนแตรอัตโนมัติ มอเตอร์ไซด์แม่งามกระตุกเบี่ยงหลบในวินาทีที่วัตถุความเร็วสูงปราดผ่านไปรถของฉันดับสนิทห่างท้ายรถคนสวยเส้นยาแดงผ่าสามสิบแปดข้าวของหล่นกระจาย ผ่าเหอะ..ฉันนึกเห็นภาพคางคกไส้แตกทะลักกลางถนน
หัวใจเต้นราวกับอยู่ในสนามรบ มือที่จับพวงมาลัยแน่นเปียกชื้น อยากเปิดกระจกไปขอบคุณที่ให้โอกาสผ่านสนามทดสอบมรณะ แต่กลัวประโยคอื่นๆจะพรั่งพรู ฉันเคลื่อนตัวจากมาช้าๆ ยกมือลูบหน้าลูบผมปรับรูขุมขนให้กลับระนาบเดิม ซึ้งแล้ว เข้าใจแล้ว อารมณ์ของคนคร่ำถนน กระจ่างแล้วอารมณ์ที่ส่งผ่านเชิงอรรถท้ายรถบันทุกเปื้อนฝุ่น
สำนวนคนกลางคืนนั้นสื่อความรู้สึกชัดเจน "เหล็กนะน้องไม่ใช่ N"
กลับเข้าบ้านหมกตัวมุดเว็บเหมือนเคย ไม่มากไปหรอกสำหรับการใช้เวลาท่องเน็ทห้าหกชั่วโมงต่อวัน ก็ชีวิตข้างนอกขึ้นราคาแบบหยุดไม่อยู่ คนยากจนเกือบสูญพันธิ์แล้วนั่งๆอยู่ดันเป็นแพ้ขึ้นมากระทันหัน (อาการของสภาวะร่างกายเมื่อไม่มีแรงต้านทาน)แค่เผลอทานกุ้งน้ำจืดไปสามสี่ (อ่านว่า3-4 ไม่ใช่ 30) ชิ้นได้ละมังตั้งแต่เย็นวันก่อน เพิ่งมาปรากฏอาการ คราวนี้หนักกว่าเดิม ก็ใช่ ..หลายคนบอกอาการแพ้อาหารนี้จะทวีขึ้นเรื่อยเรื่อยของทุกครั้งที่มีอาการ ฉันทิ้งร้างอาการแพ้ทางกายมาตั้งนาน.. (เหลือแต่อาการแพ้ทางใจอยู่หรืออย่างไรนี่แหล่ะ)ไม่คิดว่ามันจะกลับมาอีก นอนไม่ได้เลย (ยิ่งเกา ยิ่งมัน ยิ่งเกา ยิ่งคัน) มันลามไปแม้กระทั่งหนังศีรษะ และจมูกเล็บทนถึงที่สุด จนกระทั่ง ปล่อยไว้ไม่ได้แล้ว ไม่ไหวแล้ว.ว ว ว .ฉันลุกขึ้นแต่งตัว คิดไปถึงวันที่ฉันแพ้กุ้งครั้งแรก ต้องเข้าฉุกเฉินกลางดึกหลายปีก่อน ฉันจะตายไหมเนี่ย ถ้าฉันตาย..ใครใคร..(ใครที่ไม่ใช่ฉัน..) จะได้มีโอกาสรับรู้ไหมหนอเพิ่งได้ยินข่าวพยาบาลตายคาเข็มฉีดยาเมื่อต้นปี ฉันไม่อยากฉีดยา ฉันยังไม่อยากตายแต่ยาสามัญประจำบ้านตอนนี้มีแต่ยาสีฟัน และยาไส้อีกนิดหน่อย..โทรศัพท์บอก"พี่สาว" ก่อน เผื่อว่าพรุ่งนี้ที่เธอลืมตาตื่นไม่มีฉันแล้วในชีวิตเธอสั่ง"มารับพี่ด้วย"..เอ่า.ป่านนั้นฉันคงชักตายพอดี ให้รับรู้เฉยๆนิ..เหาะอีกครั้งบนถนนว่าง เหมือนรถแกว่งๆยังไงชอบกล โรงพยาบาลตอนสี่ซ้าห้าทุ่มที่นี่มันวังเวงจริงจริง ไม่มีผู้คน ฉันไม่เห็นคน..อา..ใช่แล้วฉันเเห็นนางฟ้า..เพ้อเหรอ ปล่าวนะ ความดัน ปกติ ปรอทชำแหล่ะอุณหภูมิบอกไม่มีไข้ แพทย์ฝึกงานที่นั่งเบียดความเงียบในคืนเดือนมืด เธอนั่งสว่างอยู่ตรงนั้น..หุย..สวยเป็นบ้า.. ความคันคะเยอหายไปชั่วขณะ..รู้สึกทึ่งกับปากนิดจมูกหน่อย ผมยาวสยายประบ่า ต่างหูมุกทำให้หน้าเธอสว่างไสว หากไม่ทันเห็นอักษรสีเขียวที่ปักบนกราวน์ตัวนั้น ใครจะไปคิดว่านั่นหล่ะ แพทย์เวร..เธอซักอาการที่ทำให้ฉันมาทรุดตัวนั่งอยู่ข้างหน้าเธอ เสียงเล็กๆ น่ารักซักนู่นนี่ จิ้มตรงนั้น จับตรงนี้ฉัน เอ่อ..มีแอบปิดปากหาวเล็กเล็กด้วย น่ารักดีเหมือนลูกแมว เสียงสั่งผู้ช่วยเตรียมยาสำหรับฉีด ฉันสะดุ้ง รู้สึกคันกว่าเดิมปฏิเสธคุณหมอคนสวยไม่รับยาฉีด ก็ฉันกลัวนี่นะ ยังไม่อยากสละร่างโลกนี้ยังมีอะไรน่ามองอีกตั้งแยะ จริงจริงนะ ฉันหอบยาแก้แพ้กลับบ้านพร้อมคาราไมน์ แต่ไม่วายทิ้งคาราคาใจไว้ให้ติดตามผู้ชายผมยาวคนที่มานั่งทิ้งหางตาให้หมอฉับฉับน่ะ..เค้าแอบค้อนฉันทำไมกัน? ก็แค่ฉันซักหมอบ้างเล็กน้อยกับมองหมอตาไม่ค่อยกระพริบเท่านั้นเอง..ไม่รู้อะไรฉันกินกาแฟเข้มไปหน่อย..เลยตาค้าง..กลับมานอนหลับเพราะฤทธิ์ยา ตื่นเช้าอากาศเย็นกระทันอีกแล้ว ภูมิแพ้มาเคาะประตู หายใจขัดเหมือนทุกปี มันน่าจะเป็นความเคยชิน แต่กลับไม่ชินไปเสียได้ไม่ใช่กรรมพันธุ์แน่ เพราะสืบไปหลายชั่วคนไม่มีใครเป็นเลยฉันผ่าเหล่า และเพิ่งมาเป็นภายหลังที่ออกท่องยุทธจักร(อ่านแล้วสะดุ้งเอง หมายถึงออกมาประกอบสัมมาอาชีพนิ!)ความฝันของเด็กเด็ก อุดมการณ์..สำเร็จการศึกษาฉันเลือกออกทำงานพื้นที่กันดารได้อยู่กับธรรมชาติเหมือนฝัน แต่ไม่นานเท่าไหร่ ความจริงดึงฉันกลับเข้ามากลับมา พร้อมกับความพ่ายแพ้ แพ้ไปหมดทุกอย่าง แพ้เกสรดอกไม้แพ้อากาศเย็น แพ้ฝุ่นละออง แพ้ขนสัตว์ แต่ยังไม่แพ้ใจตัวเองเอ..แล้วฉันเริ่มแพ้ใจตัวเองตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ..เดี๋ยวว่างว่างจะไปเปิดบันทึกความทรงจำดูเสียหน่อย มันนานจนจำไม่ได้..ไร้สาระไม่อยากจำ ไม่เคยจำ เอ่ะ..เจ็บแปลบแปลบที่กระดองใจ..สงสัยกึ๋นทำงานผิดปกติอีกแล้ว..มีกึ๋นด้วยเหรอเรา .. เค้าว่า...คนสวยไม่มีกึ๋นนิหน่า..
หลายวันที่แอบมองลอดผ้าม่านโปร่งบางที่พริ้วไหวริมเส้นทางผ่านได้ยินว่าที่มุมใดมุมหนึ่งตรงนั้น มีคนร่วมอดีตของฉันซุกตัวอยู่เงียบเงียบใครคนนั้นสร้างฝันในวัยเยาว์ ฉันไม่เคยลืมตัวอักษรเล็กเล็กเป็นระเบียบเขียนผ่านมุมกระดาษรางวัลเรียงความในวัยเตรียมอุดม"สำหรับนักประพันธ์ในอนาคต(หากไม่ทิ้งงานเขียนไปเสียก่อน)"อาจารย์วิชาภาษาไทยของฉัน อาจารย์ฝึกสอนคนที่ฉันปลื้มนักหนา "แววตาเศร้าอย่างคนคิด"จอยบอกกับฉันอย่างนี้ ฉันเห็นด้วยแต่นิ่งไว้เพราะกำลังคิดว่าเขามีปัญหาอะไรสี่ปีไม่ได้ทำให้เราต่างกันเลย ฉันคนแก่แดดในความกำพร้าเหมือนกันของเราหรือเปล่าที่เธอปราณีฉันมากเป็นพิเศษกลอนหลายบท เรียงความหลายเรื่องของฉันได้รับการเผยแพร่ในสถาบัน วันนี้ช่วงชีวิตของเธอผันแปร ครอบครัวร้าวฉานและเลิกรากันในที่สุด ความรักแสนหวานที่ฉันมองเห็นตลอดตั้งแต่วันแรกพบการแต่งงานท่ามกลางแขกเหรื่อวันเป็นคนดังของสังคมชีวิตคู่พังทะลายอย่างไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ เพียงแค่เพราะเวลาผ่านไป...นี่ฉันกำลังจะพูดถึงสัจธรรมอีกสักเรื่อง แต่ไม่ไหวแล้ว ฉันเลี่ยนชีวิต ฉันหวังแค่จะได้พบกับหน้าเธออีกสักครั้ง ผิดไหมนะ หากฉันจะปรี่เข้าไปทักทายดีใจเหมือนวันเก่าเล่านวนิยายชีวิตเรื่องยาวให้เธอฟัง บางที เธออาจรับฟังเงียบเงียบแล้วบอกว่าชีวิตของฉันไม่เหมือนอย่างที่เธอคาดหวังไว้สักนิด บางที เธออาจหัวเราะเคาะกระโหลกฉันเหมือนเคยแล้วบอกว่า ชีวิตของฉันไม่เหมือนอย่างที่เธอกังวลไป หรือฉันเองต่างหากที่ต้องบอกว่า ชีวิตของเธอไม่เหมือนที่ฉันวุ่นวายใจ ในที่ใดที่หนึ่ง มุมนั้นสงบ เคยรู้ว่าเธอรักสงบรักธรรมชาติ ส่วนนี้ใช่ไหม ที่เราต่างยอมรับในความเหมือน หลายวันที่มองผ่าน ผ้าม่านเบาพริ้วสีขาวยังโบกสะบัดเหมือนคนหนุ่มดวงตาเศร้าช่างฝันคนร่วมอดีตเพิ่งละจากไปจากที่ตรงนั้นก่อนหน้าฉันจะมา..มีที่ว่างพอที่ให้ฉันแทรกเข้าไปทรุดตัวลงนั่งด้วยสักคนไหม "วันนี้คุณทำประกันหรือยังคะ ฉันเป็นตัวแทนบริษัทประกันภัย"
|