What is a sentence?
โครงการสรางทางไวยากรณ (Syntax)
ประโยค (sentence) คือการนําคํามาเรียงรอยเขาด้วยกันเป็นถ้อยคําซึ่งคําเหล่านี้ต้อง แสดงความหมายที่สมบูรณ ในภาษาอังกฤษคําแรกของประโยคจะต้องขึ้นต้นด้วยตัวใหญ่และท้ายประโยคต้องมีเครื่องหมายวรรคตอนตามลักษณะของข้อความในประโยคซึ่งแบง เป็น3 ชนิดคือ
1. period (.)
2. question mark (?)
3. exclamation mark (!)
ประโยคในภาษาอังกฤษ แบ่งออกไดเป็น 4 ชนิดคือ
1. Declarative Sentence
คือ ประโยคบอกเล่าธรรมดาซึ่งลงท้ายด้วยประโยค ด้วยเครื่องหมาย period (.) เชน- Ice is frozen water.
- Ben will not be singing tonight.
2. Interrogative Sentence
คือประโยคคําถามและเครื่องหมายวรรคตอนที่ใช้ ลงท้ายประโยคคําถามคือเครื่องหมายquestion mark (?) เชน- Isn’t ice frozen water ?
- Who rescued the kitten ?
3. Imperative Sentence
คือประโยคคําสั่งหรือขอร้องและเครื่องหมายวรรคตอนที่ลงท้ายประโยคคําสั่งและประโยคขอร้องนี้คือเครื่องหมาย period (.) เชน- Come in, please.
- Eat your food.
4. Exclamatory Sentence
คือ ประโยคอุทาน ใช้เมื่อแสดงความรู้สึกของอารมณ
เครื่องหมายวรรคตอนที่ใช้ลงท้ายคือเครื่องหมาย exclamation mark (!) เชน- What an easy test that was !
- These descriptions must end !
- Leave immediately! What have you done now !
Punctuation เครื่องหมายวรรคตอน
|
Period ( . ) |
|
1.ใช้เมื่อจบประโยคในประโยคบอกเล่าหรือประโยคคำสั่ง I saw the boy. Let's go to the shop. Give me the pen please.
2.ใช้หลังอักษรย่อต่างๆหรือคำย่อ Dr.=Doctor, adv.=adverb U.S.A.=United States of America
|
|
Comma ( , ) |
|
1.ใช้คั่นเพื่อแยกคำนามซ้อน Thailand, a country in Asia, is famous for its beautiful temples.
2. ใช้แยกระหว่างคำที่อยู่ในกลุ่มเดียวกันเช่น I want a car, a motorcycle, and a bicycle.
3.ใช้แยกคำคุณศัพท์ที่บอกสี a blue, yellow bicycle
4.ใช้แยกคำคุณศัพท์ที่ตามหลังคำนาม The modal is dark, tall and handsome.
5. คั่นข้างหน้าหรือข้างหลังชื่อ เช่น Christina, where have you been? What would you like to eat, Pranee?
6. คั่นประโยคที่ตามหลัง Yes, No และ Well ที่ขึ้นต้นประโยค Are you Thai? Yes, I am.
Well, I'm not sure if I can do that.
7. ใช้เพื่อแยกข้อความในประโยคคำพูดเช่น He said, "They are happy."
8. คั่นระหว่างปีที่ตามหลังเดือน, ถนนกับเมือง,เมืองกับประเทศเช่น Today is May 4th, 2000.
Dang lives at 56 Sukumvit Road, Bangkok.
|
|
Semi-colon ( ; ) |
|
1. ใช้คั่นประโยคที่มีเครืองหมาย comma คั่นอยู่แล้วเช่น Hello, Nittaya; Please come here.
2. ใช้ทำหน้าเพื่อเชื่อมประโยคสองประโยคที่มีเนื้อหาเกี่ยวพันกันวางไว้หน้า adverbได้แก่คำว่า therefore(ดังนั้น) besides(นอกจากนี้) เป็นต้น Canada is very cold; therefore people must wear heavy coats in the winter.
|
|
Colon ( : ) |
|
1.ใช้ colon ก่อนการประโยคอธิบาย He decided to buy a car:he had to travel to the remote area.
2.ใช้แจ้งรายการ ซึ่งนิยมใช้หลังคำเหล่านี้ the following หรือ as follows เป็นต้น เช่น We require the following for our camping trip: tent, bags, and boots.
|
|
Question Mark
( ? ) |
|
ใช้กับประโยคคำถามเช่น Is that food hot? What is your nationality? Do you like durian? How tall are you?
|
|
Exclamation Mark
( ! ) |
|
ใช้หลังคำอุทานหรือประโยคอุทาน เช่น Oh! you are so beautiful. Watch out! Go away! |
|
Apostrophe ( ' ) |
|
1. ใช้แสดงความเป็นเจ้าของของคำนามทั้งนามเอกพจน์และนามพหูพจน์ เช่น The doctor's car The men's club Somkiet's dog
2.ใช้แสดงความเป็นเจ้าของของคำนามพหูพจน์ที่เติม s หรือชื่อเฉพาะที่มี s เช่น The girls' books
Charles' school 2. ใช้คำย่อหรือรูปย่อ can't (cannnot) it's (it is) I'd rather (I woud rather)
|
|
Quotation Marks
( " " ) |
|
ใช้เขียนคร่อมข้อความที่เป็นประโยคคำพูดเช่น He said, "I am going home."
"I can help you move," Narong volunteered.
|
|
Hypen ( - )
Dash ( - ) |
|
ใช้เพื่อเชื่อมคำสองคำให้เป็นคำเดียวกันเช่น
ex-husband anti-American two-day holiday
ใช้เพื่อเน้นข้อความที่แทรกเข้ามาเพื่ออธิบายหรือใช้คั่นคำละไว้ในฐานที่เข้าใจหรือเปลี่ยนใหม่ เช่น
I got lost, forgot my bag, and missed my plane-- it was a terrible trip.
If I had a lot of money, I would ---Oh, what am I thinking? I will never be rich. |
|