คนแปลกหน้าที่ย่องมาให้แปลกใจ
ได้ส่วนแบ่งเป็นโฉนดตราจองในพื้นที่พอปลูกบ้านได้สักหลัง
แต่ไม่รู้เลยว่าอยู่ตรงไหน เป็นที่จัดสรรของพ่อกับเพื่อนร่วมอาชีพตั้งแต่วัยหนุ่ม
รู้แต่ว่าที่ดินข้างเคียงเปลี่ยนเจ้าของไปหมดแล้ว
วันหนึ่งได้รับจดหมายจากสำนักงานที่ดินให้ไปเป็นพยานการรังวัด
ฉันไปรอตั้งแต่เช้าเพราะอยากรู้เหมือนกันว่าอยู่ตรงไหน
ล็อคที่เท่าไหร่ สภาพเป็นไงอะโห..ดงปรือกลางที่ชุมชนเลย ทำเลทอง..
แต่ดูแล้วทำสระเลี้ยงปลาให้หมดเรื่องไปเลยจะดีกว่า
ที่ไกล้เคียงน่ารักมากมากันครบหมด เพราะทุกคนต่างก็ไม่รู้ตำแหน่งที่ของตัวเอง
แอบเห็นเจ้าพนักงานเกาหัวอย่างไม่รู้ทิศทางลม
วันนั้นผ่านไปด้วยดี ..เกือบวันแหล่ะ..ดีจัง..ไหนไหนก็โดดงานแล้ว โดดมันให้เต็มวัน..
สัปดาห์ต่อมาเป็นฉันบ้าง..ก็ฉันอยากมีโฉนดที่เป็นชื่อของฉันเองมั่ง..เท่ห์ดี
แม้จะยังไม่รู้ว่าจะทำสระเลี้ยงปลาหรือขยายทุ่งหญ้าให้วัวดี..
วันนัดฉันไปก่อนช่างรังวัด ก็เห่อนิ..รออยู่สองชั่วโมง
ช่างเพิ่งมา..เปลี่ยนคนใหม่.หลงทาง..เวงเรยย
ขี้บ่นอีกตังหาก ทำท่าเหมือนนางสาวไทยถูกบังคับให้ขี่ควาย
กว่าจะวัดได้ครบสี่จุด ฉันไม่อยากได้แล้ว..ถ้าไม่นึกถึงว่านั่นเป็นสมบัติที่พ่อทิ้งไว้ให้
(ไม่แน่นาถ้าภาคีกันได้สักห้าหกแปลงเราอาจร่วมกันสร้างคอนโดกลางเมือง)
โอ่ยย..รวยจัง..นี่แค่คิดนะเนี่ย..
ตอนแรกก็ยืนดูช่างกับลูกน้องอยู่ใต้ร่มไม้..หนักเข้าลงไปลุยเองในดงปรือ
ช่างวัยกวนใช้ไม้ตีไปตามกอหญ้า ไล่งูเขียวแก้วตัวยาวเฟื้อยสีสวยให้ตื่น
ฉันไม่ทันกลัวเพราะยังอยู่ไกล เดินไปคุยไปเพลิน นึกได้อีกทีตะโกนถาม.
"งูมันไปทางไหน"
"ไปทางพี่แหล่ะ"
ฉันก้มมองปลายเท้าที่มีอะไรไหวไหวแล้วสะดุ้งตัวแข็งทื่อ
"จริงด้วย! มันอยู่ปลายเท้าเนี่ย"
เสียงที่รอดไปอัตโนมัติแผดฝ่าเปลวแดดเปรี้ยง
"อยู่เฉยเฉยมันไม่ทำอะไรหรอก"
อั้ยน้องคนนั้นเอาหินโยนมาอย่างหวังดี
ฉันยืนตัวแข็งทื่อ ไม่มีเสียงแล้ว
ตาแว่บไปเห็นตัวไม่มีขาสีเขียวแก้วเลื้อยพันกอปรือไกลออกไป
ที่ปลายเท้าฉันน่ะเหรอ .. เถาวัลย์จ้ะ.. เสียฟอร์มจริงวุ้ย..
อังคารที่ผ่านมา มีโอกาสไปเป็นพยานให้อีกราย
ก้อคนหน้าเดิมเดิมแหล่ะ ต่างคนต่างก็เพิ่งลืมตาตื่น..
คราวนี้ฉันไปสายบ้างเพราะงานติดพัน เจ้าพนักงานเปลี่ยนอีกแล้ว..
คนนี้เหรอ..หืมม์..ถ้าได้รู้ว่าหล่ออย่างนี้ฉันจะมาแต่เช้าเลย..
เอ..สงสัยวัดที่คราวก่อน..ที่ของฉันจะไม่ได้ตามแปลน
สงสัยจะต้องวัดใหม่..แค่คิดน่ะ แต่มันดังไปหน่อย..
ความจริงแค่เซ็นชื่อยอมรับเสร็จฉันก็กลับได้เลย
แต่ออฟโลดสีขาวคันที่จอดสะดุดตานั่นน่ะ เกะกะชะมัด
ฉันถอยได้ซะที่ไหนกัน เคยแต่เดินหน้าอย่างเดียวเรยยย
คิดดังอีกละ "รถใครจอดจิ๊กโก๋ เกียร์ว่างเปล่า จะเสยออกไปพร้อมกัน"
หน้าคมคมของคนที่ยืนกอดอกอยู่ตรงนั้นตะแคงมา90องศา
อวดขนตายาวกับฟันขาวขาวเต็มเรียวปากบาง (วึ่ย..ย)
"จะกักไว้ให้อยู่ด้วยกันตรงนี้แหล่ะ" อ่า..อั้ยงูตัวนั้นหายไปไหนหว่า..
แหม๋..ถ้าวันนั้นเป็นคนนี้ละก้อ..ฉันจะกระโดดกอดคอเลย..
ดูซิ..จะทำหน้ายังไง...กิ้ว..กิ้ว..
คนนิรนาม |
คาราบาว |
เขา มาจากที่ใดไร้ คนสนใจ ไม่ มีใครถาม แต่ เช้า เหงื่อนองท่วมหน้า โลม ไล้กายา อ่อนล้าโรยแรง อี สาน บ้านเขามันแล้งดิน แตกระแหง ผู้คน กระสานซ่านเซ็น
เขา ผู้พเนจรไม่มีมุ้งหมอน พักผ่อนกายา สืบเท้า เดิน ก้าวย่ำมา จุด หมายข้างหน้า มุ่งหางานทำ แดนกรุง ผู้คนล้นหลาม กลาย เป็นคำถามที่ไหน จะมีงานทำ อุ บล อุดร หนองคาย กาฬสินธุ์ สุรินทร์และศรีสะเกษ สุด เขต สุดแคว้น แดนที่ราบสูง สู่ กรุง มุ่งมาด้วยความลำเค็ญ ได้รู้ได้เห็น ได้ เป็นคน นิ-ร-นาม
งาน หนัก งาน เหนื่อยงาน นาน ไม่เป็นคน เกียจคร้านทำได้ก็ทำเอา งาน เหล็ก งาน หินงาน ทราย งาน ปูน งานไม้ ทำได้ก็ทำเอา งานดี เงินดี งานเบางานดี เงินดี งานเบา ใครจะจ้างพวกเขาคน นิ-ร-นาม งาน หนัก งาน เหนื่อยงาน นาน ไม่เป็นคน เกียจคร้านทำได้ก็ทำเอา งาน เหล็ก งาน หิน งาน ทราย งาน ปูน งานไม้ ทำได้ก็ทำเอา งานดี เงินดี งานเบา งานดี เงินดี งานเบา ใครจะจ้างพวกเขา คน นิ-ร-นาม
อุ บล อุดร หนองคาย กาฬสินธุ์ สุรินทร์และศรีสะเกษ สุด เขต สุดแคว้น แดนที่ราบสูง สู่ กรุง มุ่งมาด้วยความลำเค็ญ ได้รู้ได้เห็น ได้ เป็น คน นิ-ร-นาม... | |
|