มดแดงชะเง้อ
ไม่นับว่ามากไปสำหรับการใช้เวลาท่องเน็ทสามชั่วโมงต่อวัน
ก็ชีวิตข้างนอกขึ้นราคาแบบหยุดไม่อยู่ คนยากจนเกือบสูญพันธิ์แล้ว
นั่งๆอยู่ดันเป็นแพ้ขึ้นมากระทันหัน (อาการของสภาวะร่างกายเมื่อไม่มีแรงต้านทาน)
แค่เผลอทานกุ้งน้ำจืดไปสามสี่ (อ่านว่า3-4 ไม่ใช่ 30) ชิ้นได้ละมัง
ตั้งแต่เย็นวันก่อน เพิ่งมาปรากฏอาการ คราวนี้หนักกว่าเดิม ก็ใช่ ..
หลายคนบอกอาการแพ้อาหารนี้จะทวีขึ้นเรื่อยเรื่อยของทุกครั้งที่มีอาการ
ฉันทิ้งร้างอาการแพ้ทางกายมาตั้งนาน..
(เหลือแต่อาการแพ้ทางใจอยู่หรืออย่างไรนี่แหล่ะ)
ไม่คิดว่ามันจะกลับมาอีก นอนไม่ได้เลย (ยิ่งเกา ยิ่งมัน ยิ่งเกา ยิ่งคัน)
มันลามไปแม้กระทั่งหนังศีรษะ และจมูกเล็บ
ทนถึงที่สุด จนกระทั่ง ปล่อยไว้ไม่ได้แล้ว ไม่ไหวแล้ว.ว ว ว .
ฉันลุกขึ้นแต่งตัว
คิดไปถึงวันที่ฉันแพ้กุ้งครั้งแรก ต้องเข้าฉุกเฉินกลางดึกหลายปีก่อน
ฉันจะตายไหมเนี่ย ถ้าฉันตาย..ใครใคร..(ใครที่ไม่ใช่ฉัน..) จะได้มีโอกาสรับรู้ไหมหนอ
เพิ่งได้ยินข่าวพยาบาลตายคาเข็มฉีดยาเมื่อต้นปี
ฉันไม่อยากฉีดยา ฉันยังไม่อยากตาย
แต่ยาสามัญประจำบ้านตอนนี้มีแต่ยาสีฟัน และยาไส้อีกนิดหน่อย..
โทรศัพท์บอก"พี่สาว" ก่อน เผื่อว่าพรุ่งนี้ที่เธอลืมตาตื่นไม่มีฉันแล้วในชีวิต
เธอสั่ง"มารับพี่ด้วย"..เอ่า.ป่านนั้นฉันคงชักตายพอดี ให้รับรู้เฉยๆนิ..
เหาะอีกครั้งบนถนนว่าง เหมือนรถแกว่งๆยังไงชอบกล
โรงพยาบาลตอนสี่ซ้าห้าทุ่มที่นี่มันวังเวงจริงจริง ไม่มีผู้คน ฉันไม่เห็นคน
..อา..ใช่แล้วฉันเเห็นนางฟ้า..
เพ้อเหรอ ปล่าวนะ ความดัน ปกติ ปรอทชำแหล่ะอุณหภูมิบอกไม่มีไข้
แพทย์ฝึกงานที่นั่งเบียดความเงียบในคืนเดือนมืด
เธอนั่งสว่างอยู่ตรงนั้น..หุย..สวยเป็นบ้า..
ความคันคะเยอหายไปชั่วขณะ..
รู้สึกทึ่งกับปากนิดจมูกหน่อย ผมยาวสยายประบ่า ต่างหูมุกทำให้หน้าเธอสว่างไสว
หากไม่ทันเห็นอักษรสีเขียวที่ปักบนกราวน์ตัวนั้น ใครจะไปคิดว่านั่นหล่ะ แพทย์เวร..
เธอซักอาการที่ทำให้ฉันมาทรุดตัวนั่งอยู่ข้างหน้าเธอ
เสียงเล็กๆ น่ารักซักนู่นนี่ จิ้มตรงนั้น จับตรงนี้ฉัน
เอ่อ..มีแอบปิดปากหาวเล็กเล็กด้วย น่ารักดีเหมือนลูกแมว
เสียงสั่งผู้ช่วยเตรียมยาสำหรับฉีด ฉันสะดุ้ง รู้สึกคันกว่าเดิม
ปฏิเสธคุณหมอคนสวยไม่รับยาฉีด ก็ฉันกลัวนี่นะ ยังไม่อยากสละร่าง
โลกนี้ยังมีอะไรน่ามองอีกตั้งแยะ จริงจริงนะ
ฉันหอบยาแก้แพ้กลับบ้านพร้อมคาราไมน์ แต่ไม่วายทิ้งคาราคาใจไว้ให้ติดตาม
ผู้ชายผมยาวคนที่มานั่งทิ้งหางตาให้หมอฉับฉับน่ะ..เค้าแอบค้อนฉันทำไมกัน?
ก็แค่ฉันซักหมอบ้างเล็กน้อยกับมองหมอตาไม่ค่อยกระพริบเท่านั้นเอง
..ไม่รู้อะไรฉันกินกาแฟเข้มไปหน่อย..เลยตาค้าง..
กลับมานอนหลับเพราะฤทธิ์ยา
ตื่นเช้าอากาศเย็นกระทันอีกแล้ว ภูมิแพ้มาเคาะประตู
หายใจขัดเหมือนทุกปี มันน่าจะเป็นความเคยชิน แต่กลับไม่ชินไปเสียได้
ไม่ใช่กรรมพันธุ์แน่ เพราะสืบไปหลายชั่วคนไม่มีใครเป็นเลย
ฉันผ่าเหล่า และเพิ่งมาเป็นภายหลังที่ออกท่องยุทธจักร
(อ่านแล้วสะดุ้งเอง หมายถึงออกมาประกอบสัมมาอาชีพนิ!)
ความฝันของเด็กเด็ก อุดมการณ์..สำเร็จการศึกษาฉันเลือกออกทำงานพื้นที่กันดาร
ได้อยู่กับธรรมชาติเหมือนฝัน แต่ไม่นานเท่าไหร่ ความจริงดึงฉันกลับเข้ามา
กลับมา พร้อมกับความพ่ายแพ้ แพ้ไปหมดทุกอย่าง แพ้เกสรดอกไม้
แพ้อากาศเย็น แพ้ฝุ่นละออง แพ้ขนสัตว์ แต่ยังไม่แพ้ใจตัวเอง
เอ..แล้วฉันเริ่มแพ้ใจตัวเองตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ..
เดี๋ยวว่างว่างจะไปเปิดบันทึกความทรงจำดูเสียหน่อย
มันนานจนจำไม่ได้..ไร้สาระไม่อยากจำ ไม่เคยจำ
เอ่ะ..เจ็บแปลบแปลบที่กระดองใจ..สงสัยกึ๋นทำงานผิดปกติอีกแล้ว..
มีกึ๋นด้วยเหรอเรา .. เค้าว่า...คนสวยไม่มีกึ๋นนิหน่า
กระถางดอกไม้ให้คุณ |
คาราบาว |
ขอให้ฉันได้ร้องเพลง บ้าง สัก เพลง ฉันไม่เคยคิดร้องเพลง เลย สัก เพลง เพลง นี้เป็นเพลง แรกและเป็นเพลงสุดท้าย ในชีวิต ของฉันที่ คุณจะได้ ยินได้ฟัง ความหลังครั้งเมื่อฉันหัด เล่น ดนตรี มีฉิ่งฉับ เป่าแตรกลอง แทร็กและนิ้งหน่อง พอ เลิกเรียนเพื่อนฝูงเริ่มซ้อม ดนตรี ดังตั้งแต่ ต้นซอยยันถึง ท้าย ซอย อ๊อดหัดเล่นดนตรีเพราะมี ใจรัก ในเสียงเพลง เสียงดนตรีบรรเลงเป็นส่วนหนึ่ง ของชีวิตอ๊อด เราร่วมกันบรรเลง บทเพลงกล่อมโลก ให้สดใส คลายความหงอยความเหงาความเศร้า
ความทุกข์ ความโศก ขอให้ฉันได้ร้องเพลง บ้าง สัก เพลง ฉันไม่เคยคิดร้องเพลง เลย สัก เพลง เพลง นี้เขาบัง คับให้ฉันต้องร้อง ต้องฝึกตั้งนานเท่าใดก็ยังร้อง ไม่ค่อย จะเป็นเพลง ขอให้ฉันได้ร้องขอให้ฉันได้ร้องเพลง บ้าง สัก เพลง ขอให้ฉันได้ร้องขอให้ฉันได้ร้องร้อง บ้าง สัก เพลง ขอให้ฉันได้ร้อง ร้อง ร้องขอให้ฉันได้ร้อง เพลง บ้าง สัก เพลง ขอให้ฉันได้ร้อง ร้องร้องร้อง
อ๊อดหัดเล่นดนตรีเพราะมี ใจรัก ในเสียงเพลง เสียงดนตรีบรรเลงเป็นส่วนหนึ่ง ของชีวิตอ๊อด เราร่วมกันบรรเลง บทเพลงกล่อมโลก ให้สดใส คลายความหงอยความเหงา ความเศร้า ความทุกข์ ความโศก แล้วอยู่มาวันหนึ่งฉัน จึงมาเข้า ใจ มีกระถางต้นไม้ปลิว ข้าม หลังคา ตก ลงมา กลาง วงตรงฉันพอดีทั้งดอก ไม้กระถาง ก้อนดินและเสียงด่า ดูเวลาก็ปา เข้าไปตั้งสองยาม ฉันจึงยิงคำถามถาม เจ้า ของดอกไม้ ถามว่าเสียงของฉันมีแววแค่ไหน เสียงตอบมาไกลไกลว่าเลิก ร้องจะดี กว่า... | |
|