วันหยุด
อยากนั่งทำงานที่พักสักวันเพราะมีงานค้างคา
แต่กลิ่นบุหรี่กับเสียงตอกตูมตามของห้องข้างเคียงทำให้ฉันเผ่นแทบไม่ทัน
ไม่ว่ากัน..เพราะปกติวันเสาร์ฉันจะจัดตารางไว้สำหรับคนแถวเดียวกันให้เป็นอิสระ
ฉันจะทำตัวให้ดีไม่สร้างปัญหาให้ชุมชน
คว้ากล้องกับโน้ตบุ้คได้ก็เผ่นเข้าที่ทำงาน
สนามหญ้าเขียวขจี ไม้ดอกไม้ประดับตกแต่งสวยงามสงบนิ่งรอฉันอยู่แล้ว
จอดรถที่เดิมใต้ร่มไทรทอง เห็นลูกไทรหล่นเกลื่อนเลยเปลี่ยนใจ
ลูกไทรเต็มต้นอย่างนี้บ่ายๆจะมีนกสารพัดชนิดมาชุมนุมจัดปาร์ตี้
นกจุก นกหัวขวานหงอนแดง หัวขวานหงอนส้ม นกกระจิบ บางวันมีนกเขามาแจมด้วย
ฉันต้องมาหยิบของในรถบ่อยๆ ไม่อยากให้เสียงเปิด-ปิดประตูรบกวน
ลำพังแต่ตัวฉันเอง ใช้วิชาตัวเบาได้ ก็มาซุ่มเงียบแอบดูจนเหมือนจะรู้จักคุ้นเคย
ขยับไปจอดใต้ร่มพิกุล ดอกกล้วยไม้สีม่วงอ่อนกำลังระย้าดอก
ที่นี่อากาศดี บรรยากาศสวยงามแต่ทำไมฉันมีความคิดที่จะละจาก?
กำลังคิดอะไรเพลินๆ หยิบสัมภาระกับตระกร้าอาหารกลางวัน
รวมถึงมื้อเย็นด้วย กลับบ้านก่อนดวงอาทิตย์ไม่เป็นมาแล้วรากงอกทุกครั้ง
ที่ไหนจะสุขเท่าห้องทำงานของฉัน(ในวันหยุด)
"ยายแป๊ดดดดด..." เสียงเรียกคุ้นเคย
กับตัวกลมกลมที่โถมมาหาทั้งตัว เจ้าเนื้ออ่อนนี่เอง
เมื่อเริ่มเข้าโรงเรียนฉันไม่เห็นเธอบ่อยๆเหมือนก่อน
แก้มยุ้ย โหนกหน้าโหนกหลัง และก้นย้วยกว่าเดิมเล็กน้อย
แต่ไหง๋น้ำหนักตัวเล่นเอาฉันเกือบหน้าคมำ
"นู๋จะเล่นเทนนิส"
อ่า..วันนี้คงไม่เหนื่อยมาก
"เทนนิส" ของเธอแค่ผลัดกันเดาะปิงปองกับข้างฝา
ใครได้จำนวนครั้งกว่าก็ชนะ และเธอก็มุ่งมั่นที่จะเอาชนะฉันให้ได้
ซึ่งไม่มีทางสำเร็จ เพราะฉันจะค่อยๆเพิ่มจำนวนครั้งทีละหน่อย ยั่วยุ
จากห้าเป็นเจ็ด เก้า สิบ แต่เธอไม่เคยเกินสามได้สักที
ดีกว่าต้องไป "ตีกอล์ฟ" ซึ่งเหนื่อยมาก
ลูกกระท้อนเล็กเล็กที่ร่วงบนพื้นกลิ้งขลุกต้องวิ่งไปเก็บไกล
แถมตีไม่หมดก็ไม่ยอมเลิกเสียด้วย
บางทีฉันอยากเป็นแค่คนดูเธอก็ไม่ยอม
เล่นเทนนิสดีกว่า ได้นั่งดูกับคอยเชียร์
"ได้แต่เราต้องช่วยกันเก็บขยะก่อนน๊า"
"ได้เลยครับผม"
เธอวิ่งช่วยฉันเก็บถุงนมที่ถูกคุ้ยจากถังขยะปลิวว่อน
ต่างคนต่างแยกย้ายไปเก็บ เสียงเธอยังเจื้อยแจ้วเล่าเรื่องนั้นเรื่องนี้
"โรงเรียนนู๋อยู่ในเมือง โรงเรียนอนุบาลอ่ะ ยายแป๊ดเคยไปเปล่า"
เคยรู้มาว่าเธอต้องตื่นแต่เช้ามืดเพื่ออาบน้ำแต่งตัวรอรถรับส่งโดยไม่อิดออด
"เพื่อนนู๋มีเยอะแยะ นู๋ไม่ชอบต้น ต้นชอบแย่งของเล่นอ้อกับแตง กับตุ่นด้วย"
"คุณครูนู๋ไม่ดุเลย แต่ชอบเอารูปวาดนู๋ไปให้เพื่อนดู เพื่อนหัวเราะนู๋กันใหญ่"
สมุดงานเธอมักมีรูปวาดแปลกๆ ใส่เข้าไปตามอารมณ์
บางวันมี UFO น่าตาน่าขัน และบางวันก็มีภาพเด็กบินมีพัดลมติดหัว "นี้นู๋เอง"
ได้ยินเสียงเหมือนมะพร้าวร่วงเสียงเธอเงียบไปฉันหันไปมองแล้วใจหายวาบ
เห็นตัวกลมกลมนั้นฟุบคว่ำหน้านิ่งอยู่บนพื้นคอนกรีต ใต้ชิงช้าที่ยังไหวแกว่ง
ถุงนมตกอยู่บนพื้น คงจะเบื่อเก็บขยะเลยปีนขึ้นชิงช้า
ไม่ทันระวังเพราะคุยเพลินหรือเพราะถุงนมในมือทำให้ลื่นไถลร่วงลงมา
ไม่รู้ว่าถูกชิงช้าโขลกซ้ำหรือหัวกระแทกพื้นแต่เสียงที่ได้ยินนั่นไม่เบาเลย
ฉันถลาจับตัวพลิกขึ้นเสียงเธอร้องไห้จ๊ากค่อยใจชื้น
หลังท้ายทอยโหนกทุยเป็นรอยช้ำปูดนูนทันตาเห็น
เสียงร้องลั่นลั่นทำให้สั่นทำอะไรไม่ถูก
คว้าบริบูรณ์บาล์มได้ทาคลึงเบาๆ เธอยิ่งร้องเสียงดังคงจะแสบร้อน
ยิ่งร้องฉันก็ยิ่งงันงก เลือดไม่ออกด้วย เกิดการเลือดคั่งหรือเปล่า
เป็นแผลแตกที่ไหนอีกไหม ฉันควาญหาจนทั่ว
ใจเต้นไม่เป็นส่ำ เป็นฉันเอง ทำให้เธอเจ็บ
ฉันจูงมือบอก " ยายเอาน้ำอุ่นคลึงมะนาวให้นะ หนูมีมะนาวติดหัว "
ขนตางอนช้อยเปียกชื้นกระพริบปริบปริบเงียบแป๊บแล้วยิ่งร้องเสียงดัง
"ยายเสกคาถาให้ เดี๋ยวก็หายนะ"
เธอเงียบกริบ นอนให้เอาน้ำอุ่นคลึงจนหลับไป
แค่คำลวงก็รักษาความเจ็บปวดได้ด้วย เวงกำ..
สำนวน "โกหกเพื่อความสบายใจ"ที่เอามาใช้กันอยู่นี่
มาจากปัจจัยเดียวกันนี้ใช่ไหมหนอ.