ฉันปฏิบัติตามอย่างว่านอนสอนง่าย ก็ใจจดจ่ออยู่กับข่าวในจอทีวี ภาวะที่บ้านเมืองเดือดร้อนวุ่นวายขนาดนี้ เอาจิตใจที่ไหนไปเบิกบาน ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าการรอคอยและเฝ้ามองอย่างกระวนกระวาย ขออำนาจสิ่งศักดิ์สิทธ์คุ้มครองประเทศชาติและคนดีให้อยู่รอดปลอดภัย ในความสับสนของการรอคอย ฉันสงสัยมีคนไทยรักแผ่นดินรู้สึกเหมือนเราไหม ? ประเทศเล็กๆที่น่าจะเป็นเมืองสงบ มีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ ธรรมชาติสวยงามเป็นจุดขาย วันนี้กลายเป็นสมรภูมิรบ สงครามประชาชน สงครามข้อมูลข่าวสารปะทุกรุ่นกลางเมือง ทำได้ดีที่สุดแค่ภาวนาให้ "วัตถุไวไฟในกลไกรัฐ" ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ความอยู่รอดของสังคมไทยวันนี้คงต้องพึ่งพาพลังมวลชนแล้ว งมหาคำตอบ ประเทศไทยยังรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทยจริงหรือเปล่า ? ฉันเชื่อมั่นเสมอว่าเนื้อแท้ของคนไทยยังคงรักชาติรักแผ่นดินรักความเป็นไทย แต่วันนี้สถานการณ์จะยังสร้างวีรบุรุษไหมเล่า ในวิกฤตยังมีโอกาสอยู่อีกไหม? หลายปีที่ฉันเฝ้ามองการเมืองเมืองไทยเหมือนพายเรือในอ่าง ความอยู่รอดของสังคมไทยป่วยหนัก เครือข่ายอำนาจรัฐมีแต่เสี้ยนหนาม ความศรัทธาที่มีต่อผู้นำมวลชนเหมือนเปลวเทียนริบหรี่ เคยฟังมาชั่วชีวิตว่าสุดยอดแห่งความสุขของคนเราคือการที่ได้ทำในสิ่งที่เรารัก ฉันก็คิดว่าบรรทัดฐานนี้น่าจะเป็นสากล คนอื่นๆบนโลกเดียวกันน่าจะคิดไม่แตกต่าง แต่ทำไมบางใครกลับมีความสุขในการช่วงชิงของรักของคนอื่น โรคสายพันธุ์ใหม่ที่กำลังระบาดในศตวรรษที่มนุษย์ปล่อยให้เทคโนโลยีทำงานแทนสมอง " มือใครยาวสาวได้สาวเอา " เราพบคนประเภท "อยากได้แต่ไม่ลงทุน" ทุกหนทุกแห่ง นโยบายสร้างจิตสาธารณะมาช้าเกินไปไหม มันจะต้าน "วัตถุไวไฟในกลไกวิวัฒน์" ได้หรือเปล่า ตระหนักมาตลอดว่าธรรมชาติบำบัดเท่านั้นที่จะจรรโลงให้มนุษย์สามารถใช้ชีวิตร่วมกันได้ หากคนเราพยายามหลีกหนีจากธรรมชาตินั่นคือการหนีห่างจากความสุขออกไปทุกที แต่กี่คนจะหันมาฟังเรื่องราวดึกดำบรรพ์ของธรรมชาติ กี่คนจะเชื่อว่าธรรมชาติเป็นส่วนหนึ่งของมนุษย์ เห็นด้วยกับหลักการว่า สุขภาวะที่ดีที่สุดเป็นตัวต้านโรคทุกสายพันธุ์คือ อากาศดี อาหารดี อารมณ์ดี และอิทธิบาทสี่ ลุกขึ้นมาเคร่งครัดกับตัวเองจึงเข้าที่ทำงานแต่เช้าทุกวันเพื่อมีโอกาสได้เดินออกกำลังกายไปบนหญ้านุ่ม มีเวลาได้คุยกับต้นไม้ใบหญ้า มองเห็นความผลิบานแปลกใหม่ของอรุณวันใหม่ก่อนใครๆ อีกหนึ่งความสุขของฉันคือการจะได้เฝ้ามองดูคนเป็นพ่อแม่มาส่งลูกเข้าโรงเรียน ฉันมองความงามของความรักของพ่อแม่ลูกที่แสดงต่อกัน มองภาพลูกโบกมือหยอยให้พ่อ ภาพแม่กอดหอมลูก ก่อนส่งเข้าประตูโรงเรียน ศิลปะที่งดงามมีคุณค่าคือความผลิบานของมนุษย์โดยธรรมชาติ หลายคนถาม ทำไมไปทำงานแต่เช้านัก ฉันตอบเพราะลูกศิษย์ฉันมาถึงโรงเรียนกันแต่เช้า ฉันต้องมาเช้ากว่า อย่างน้อยพ่อแม่ผู้ปกครองเด็กต้องสบายใจว่าลูกหลานที่ส่งมาถึงปลายทางปลอดภัย ในเวลาที่พอเหลือบ้างสำหรับตัวเอง ในวันที่ไม่มีไม้ดอกอื่นผลิบาน ฉันหากล้วยไม้มาจัดมุม ใช้เวลากว่าปีกว่าจะเลี้ยงรูปทรงของกล้วยไม้ต่างป่าให้เข้ากันได้สมบูรณ์ทั้งดอกและรากใบ แอตโตแซนต้าสีเหลืองทองดอกใหญ่ช่อยาว ฟ้ามุ่ยสีม่วงอมฟ้า ลูกผสมสกุลนอราสีขาวอมชมพู แวนดาสีม่วงเข้ม มาดามสีขาว และลูกผสมแอตโตแซนต้าแวนด้าสีฟ้าที่หายาก มอคคาร่าสีเหลือง ม่วง ชมพู วางสลับให้ไม้สีสวยผลัดเปลี่ยนเวียนกันมีดอกให้ชมได้ตลอด ซึ่งไม่เคยผิดหวัง ฉันมีไม้ดอกผลัดเปลี่ยนให้ชมตลอดทั้งปี ลมร้อนหลังสงกรานต์มาถึง เหตุการณ์บ้านเมืองทำท่าว่าจะสงบ ฉันถูกปลดเคอร์ฟิว ฝนหลงฤดูกรูกราวผ่านมาช่วงเดียว สนามหญ้าเขียวขจี พุดแสงจันทร์เหลืองอร่ามไปทั้งต้น ชัยพฤกษ์สลัดใบสะพรั่งดอก อินทนิลสีขาวแซมม่วงอมชมพูแย่งกันออกดอก เข็มสีแดง สีส้ม ดอนย่าสีชมพู สีขาว สีแดง ผีเสื้อสีเหลืองพริ้วปีกบินว่อนเหมือนเส้นทางสายฝัน ธรรมชาติสวยงามอย่างที่หลายคนแสวงหาสงบนิ่งอยู่ที่นั่นแล้ว ฉันขับรถออกจากบ้านดิ่งเข้าองค์กร เห็นสองเท้าเดินมาหลังคามุงกระเสียม.. ก็คนแบกกระเสียมนั่นแหล่ะ! ได้ความว่าขอขุดหน่อปาล์ม ฉันนึกภาพสวนหย่อมของฉันที่กำลังมีแอตโตแซนต้าสีเหลืองทองดอกใหญ่ช่อยาวยังออกดอกไม่สุดช่อ ฟ้ามุ่ยสีม่วงอมฟ้า กำลังเป็นตุ่มเล็กๆเตรียมแทงช่อดอก ลูกผสมสกุลนอราสีขาวอมชมพูเริ่มแย้มดอก และลูกผสมแอตโตแซนต้าแวนด้าสีฟ้าที่หายาก มอคคาร่าสีเหลือง ม่วง ชมพู ที่นั่นมีลูกปาล์มหล่นลงเกลื่อนพื้น เมื่อได้สภาวะดีดีก็งอกต้นเล็กๆ บางครั้งก็งอกบนกอกล้วยไม้ ฉันจับใส่ถุงไว้แจก หากเรารู้จักแลกเปลี่ยนไม้ที่มีอยู่กับคนอื่นๆบ้าง เราจะได้พันธุ์ไม้แปลกๆเพิ่มขึ้นโดยไม่ต้องซื้อหา ฉันส่งหน่อปาล์มที่เพาะไว้ในถุงส่งให้เพื่อไม่ต้องเสียเวลาขุด กับกลัวจะทำสวนหย่อมเสียทรง ในจังหวะที่ไม่อยู่ของวันรุ่งขึ้น สวนหย่อมของฉันถูกทึ้ง ฤาษีผสมระเนระนาด แอตโตแซนต้าสีเหลืองทองดอกใหญ่ช่อยาวยังออกดอกไม่สุดช่อที่ยังรอให้ลุ้น ฟ้ามุ่ยสีม่วงอมฟ้า กำลังเป็นตุ่มเล็กๆเตรียมแทงช่อดอก ลูกผสมสกุลนอราสีขาวอมชมพู อันตรธาน!! ฉันมองนิ่งๆ นี่อย่างไรเล่าโรคสายพันธุ์ใหม่ที่กำลังระบาดในศตวรรษที่มนุษย์ปล่อยให้เทคโนโลยีทำงานแทนสมอง " มือใครยาวสาวได้สาวเอา " เราพบคนประเภท "อยากได้แต่ไม่ลงทุน" ทุกหนทุกแห่งจริงจริงด้วย ภาวนาแค่ จะเปลี่ยนไปอยู่ที่ใดก็ตามแต่ดูแลเค้าให้ดีแทนฉัน ถึงเวลาออกดอกตอบตัวเองให้ได้ก็แล้วกัน ภูมิใจไหมกับสิ่งที่ได้มา หวั่นใจแต่ที่นั่นมีเด็กในวัยพัฒนาการทางจิตสาธาณะอยู่ไหม เขากำลังซึมซับแบบอย่าง เขาจะคิดอย่างไรหากได้รู้ว่าสิ่งสวยงามนั้นได้มาจากการช่วงชิง นโยบายสร้างจิตสาธารณะมาช้าเกินไปหรือเปล่า? มันจะต้าน "วัตถุไวไฟในกลไกโลกาวิวัฒน์" ได้จริงไหม? ฉันจะหาคำตอบได้จากหลืบไหนของกลไกรัฐ? ปีนั้นที่โครงการต่างๆของหน่วยงานที่ถูกเร่งรัดให้สิ้นสุดภายในเดือนกรกฏาคม
งานของฉันเลยต่อเนื่อง ออกนอกพื้นที่ยาวนาน กลับมาเจองานสาธิตการเรียนการสอน
และการประเมินเพื่อคงสภาพสถานที่ทำงานน่าอยู่ ห้องทำงานของฉันพร้อมโชว์ได้เสมอ
แต่ที่เข้ามาเจอนักศึกษาเตรียมพร้อมสังเกตการสอนนี่ทำเอาอึ้ง
จำเพาะเจาะจงมาเป็นฉันที่เพิ่งกะเร่อกะร่ากลับจากการอบรมและพาคุณครูไปทัศนศึกษา
ไม่ใช่ครั้งแรกที่ต้องเป็นครูพี่เลี้ยง ฉันสาธิตการสอนบ่อยๆ แต่ไม่ใช่อย่างไม่ทันตั้งตัว!
ก็คุณหลานเธอมานั่งจ้องเอาๆ แล้วก็เขียนๆๆๆๆ อย่างนี้ก็เขินแย่เลยสิเล่า
แต่ไม่เป็นไร ฉันทำได้ ฉันเลือกทำในสิ่งที่ดีที่สุดได้ทุกสถานการณ์
ขอให้นำเอาสิ่งดีดีไปใช้ให้เกิดประโยชน์นะคะ
พร้อมกับถือโอกาสให้ทดลองสอนตามสไตล์ตัวเองเสียเลย
ขอบใจกับคำถาม ”คุณครูทำได้อย่างไรคะ สอนติดกันวันละหลายชั่วโมง ไม่ซ้ำชั้น”
นี่แหล่ะค่ะธรรมชาติของการสอนภาษาอังกฤษในประเทศไทยล่ะ
วันหนึ่งคุณหลานก็จะประสบด้วยตัวเอง แล้วอย่าลืมเตรียมทางเลือกใหม่ที่ดีกว่าไว้ด้วย
อย่าลืมเอาปัญหาที่พบไปนำเสนอพร้อมให้ข้อเสนอแนะนะคะ
เพราะการเสนอปัญหาอย่างเดียวไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น จริงมั้ย?
เช้าวันเสาร์ที่ 25 ฉันตั้งใจจะขึ้นเหนือเพื่อเยือนเจ้าชายในเวิ้งฟ้าที่คิดถึงเหลือเกิน ถัดจากนี้ไปก็คงหาโอกาสยากแล้ว หลายงานเริ่มเคี่ยวข้นรวมถึงการสอบประเมินความพร้อมครูผู้สอน ไข้หวัดใหม่ สายพันธ์ใหญ่ประชิดตัว หนาวๆร้อนๆ (ลาเปื่อยสักปีดีมั้ยเนื่องด้วยต่อมฝ่อสอบแตก)
อย่างที่รู้ๆ การสอบกับฉันเป็นไม้เบื่อไม้เมาอมตะนิรันดร์กาล
ดิ่งกลับบ้านเพื่อรับรู้ว่าไม่มีใครว่างไปด้วยสักคน อยากบินเดี่ยว แต่เหนื่อยจัง
กอปรกับถูกหลายคนแซวอย่างมีหลักการ (ก็การแซวเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์)
ฉันไม่ควรขับรถตามลำพังไกลๆ ฉันไม่ชอบทำให้คนอื่นเดือดร้อน เลยทำท่าอ่านหนังสือเตรียมสอบสักหน่อย แล้วก็จบที่นอนหลับกลิ้งสบายใจในมุมที่เคยเป็นเจ้าของ
อ่านไปก็เท่านั้น เรื่องของภาษาเป็นทักษะ เข้าใจคำว่าแน่นปึ้กก็ตอนนี้ มันซึมซับไม่ได้แล้วนิ!
สายๆรู้สึกร้อนรุ่มกระวนกระวาย อยู่นิ่งไม่เป็น ฉันขับรถกลับที่พัก ยังอีกหลายชั่วโมงกว่าจะมืด คิดถึงไม้กระถางใหม่ที่เพิ่งลงดินที่ทำงาน เลยแวะไปดู
วันเสาร์อย่างนี้ยังมีนักเรียนมาทำงาน ผู้ปกครองมานอนรอรับอีกต่างหาก ไม่ได้นึกถึงว่าจะมีเหตุการณ์อย่างที่เป็นข่าวโครมคราม เพราะจะไม่มีเหตุการณ์อย่างนั้นในองค์กรของเราแน่นอน แต่ก็อดคิดไม่ได้ ความรับผิดขอบของคุณครูใหญ่หลวง จนเหมือนจะไม่จำกัดอาณาเขต
แวะไปถามไถ่แล้วบอกเด็กๆผู้หญิงกลุ่มนั้นว่าทำงานเสร็จแล้วอย่าเถลไถล เพราะออกนอกสายตาของฉันไปแล้ว ไม่รู้จะเป็นอย่างไร วิตกจริตมาเยือน ไม่อยากให้มาทำงานกันตามลำพังเลย แต่จะหาทางออกอย่างไรเล่า ฉันต้องทำอย่างไร? เด็กในความรับผิดชอบของฉันต้องปลอดภัยเสมอ ในคำว่า"ถ้า.." หนักเกินกว่าจะรับไว้ได้แล้ว
วันอาทิตย์ที่ 26 เป็นหน้าที่ของฉันดูแลความเรียบร้อย ฉันเข้าที่ทำงานแต่เช้าเหมือนเคย
วันนั้นโรงเรียนเงียบสงัด รู้สึกใจคอไม่ปกติ แรงสังหรณ์ฉันรุนแรงอย่างนี้เสมอ เดินดูรอบบริเวณ ไม่ลืมแม้สระน้ำหลังโรงเรียน จุดนั้นเป็นจุดที่ระวังมากที่สุด
พลาดไปหน่อยก็สูญเสีย ไม่มีใครอยากให้มีการสูญเสียไม่ว่าสาเหตุใดใด
แม้ว่าอยู่ในห้องทำงาน ฉันก็สามารถมองเห็นได้เกือบทุกมุมมองของเขตรับผิดชอบ แต่ฉันก็อุตส่าห์เลือกนั่งอ่านหนังสือ ขีดเขียนตามเรื่องที่ม้าหินอ่อนหน้าอาคารเรียน ช่วงนี้ชาวบ้านร้านถิ่นจะไปลงแรงกันปลูกข้าว ไม่มีประชาชีขวักไขว่เหมือนเคย
เขตรอบรั้วสีเหลี่ยมกว้างๆของฉันสงัดผู้คน ไม่มีแม้แต่จักรยานของเด็กนักเรียนที่เคยแวะเวียนโฉบมาดูคุณครูเฝ้าเวร
นกสารพัดชนิดบนไทรทองร่มครึ้มเงียบสงบ
มันเงียบไปหมดแม้แต่แสงแดดที่เคยจัดจ้าของยามเที่ยง
วันนั้นเหมือนฝนอ้อยอิ่งรอคอยบอกลาฟ้า ทั้งที่เพิ่งจะต้นฝน
เสียงอังกะลุงบนห้องดนตรีเงียบกริบ ก็เมื่อวานยังได้ยิน ..วันอาทิตย์สินะ..
หรือให้วันอาทิตย์เป็นวันหยุดโลก หรือใครหยุดโลก
อำนาจใดกันเล่าที่หยุดโลกไว้ชั่วขณะ เพื่อเปิดรับใครสักคน?
หลังเที่ยงวันเล็กน้อยเสียงโทรศัพท์แทรกความเงียบ "เด็กตกน้ำ ไปดูหน่อย ยังงมไม่เจออีกคน" ฉันใจหายวาบทะลึ่งพรวดลากคุณครูที่นั่งทำงานอยู่อีกฟากอาคารไปด้วย อย่างไม่ต้องถามรายละเอียด ดิ่งไปที่เกิดเหตุ ภาวนาอย่าให้ใครเป็นอะไรไปเลย ใจหวิวหวิวเหมือนอากาศจะหมด ผู้คนต่างแย่งกันหายใจหรืออย่างไร
สวนกับรถกู้ภัยเปิดไฟกระพริบวาบวับ ใจฉันลงไปกองกับตาตุ่ม กลับรถ รู้แล้ว หมดหวัง รู้สึกมือเท้าเย็น ไม่ใช่สิ .. มันเย็นเยือกจับใจ ..ขับรถเหม่อลอยเลยทางเข้าต้องได้ไปยูเทิร์น
ตามไปถึงโรงพยาบาล ฉันไม่กล้าแม้แต่จะสบตาผู้คน เหมือนฉันเป็นจำเลยคดีอุกฉกรรจ์
น้ำตากลบสองตา เสียงแม่เด็กโหยหวน "ลุกต้องไม่ตาย ลูกยังไม่ตาย" ใจฉันจะขาด เข่าอ่อนจะกองลงไปเสียตรงนั้นเหมือนเพลงอังกะลุงยังแว่ว
"ทวยเทพครองป่า ครองเขา
ลูกยังอ่อนยังเยาว์โปรดเฝ้าถนอมดูแล"
ฉันปล่อยให้ซาตานกระทำการอุกอาจใช่ไหม ในวันหยุดโลก ฉันร่วมมือกับซาตานพรากเอาวิญญานของเด็กดีไปจากอกแม่ แม่คนที่รักลูกถนอมราวไข่ในหิน ไม่ยอมแม้แต่จะให้ลูกรักเดินทางมาโรงเรียนด้วยตัวเอง กลัวอุบัติเหตุจะพรากพลัด
ฉันรู้ว่าเธอต้องนั่งรถโดยสารมาโรงเรียนทั้งทั้งที่โรงเรียนอยู่ฟากตรงข้ามเพียงช่วงยูเทิร์น
แม่คนที่ส่งลูกจากอ้อมอกมาให้รั้วโรงเรียนของฉันรับผิดชอบ ทั้งที่โรงเรียนของเธอก็อยู่ในพื้นที่เดียวกัน แม่คนที่เตรียมพร้อมการศึกษาให้ลูกอย่างดี ทุกสัปดาห์เธอต้องไปเรียนเพิ่มเติม
แม่คนที่บอก "เดี๋ยว" จะส่งลูกไปเรียนว่ายน้ำ
คำว่า"เดี๋ยว"นานเกินไปเสียแล้ว เด็กดีของฉันว่ายน้ำไม่เป็น แล้วยังอุตส่าห์เอาใจคุณครู ในทุกต้นชั่วโมง OMS ของฉัน เธอบอก I like to swim.I can swim.My hobby is swimming. เธอพยายามสอนเพื่อนให้พูดนั่น แค่อยากเอาใจฉันใช่มั้ย เธอเอาใจฉัน ทั้งๆที่เธอว่ายน้ำไม่เป็น เธอพยายามช่วยฉัน
เวลานั้นคำ "Swinging' เข้ามาระบาดตามสื่อ
เธอพยายามช่วยฉันแก้สถานการณ์ในชั้นเรียน
ก้อบปี้เป็นเด็กดี ไม่เคยสักครั้งที่จะสร้างปัญหาให้พ่อแม่ ครูบาอาจารย์
ในชั่วโมงภาษาอังกฤษของฉันเธออยู่แนวหน้า ทั้งที่แม่บอกลูกไม่ชอบพูด เด็กดีของฉัน หากวันนั้นเธอมากรายผ่านฉันสักหน่อยฉันคงทัดทานเธอไว้ แต่นี่พากันหลบเร้นไปเส้นทางอื่น ทำไมไม่มาแวะชวนฉันด้วยเล่า ? เนื้อตัวเย็นเฉียบที่ฉันสัมผัส ปากสีม่วง เธอแช่อยู่ในน้ำนานเกินไป เธอหยุดหายใจนานเกินไปในอ่างเก็บน้ำท้ายหมู่บ้านตามคำชวนของเพื่อน
ฉันไม่กล้าขึ้นไปสบตาเธอในวันสวดแรก เธอมองเห็นฉันใช่ไหม? ฉันนั่งอยู่เชิงบันไดภายใต้ร่างที่นอนสงบนิ่ง มองดูบริเวณที่เธอเคยวิ่งเล่น อยากให้เป็นฉันที่ดำดิ่งลงไปใต้น้ำเย็นเฉียบนั้นด้วยกัน เพื่อฉันจะได้ผลักดันให้เธอขึ้นมา พ้นน้ำทันเวลา
ยากเกินกว่าที่จะทำใจ ในชั่วโมงแรกที่เข้าเรียนแล้วไม่มีเธอ สมาชิกในกลุ่มหายไป คนที่เหลือนั่งตาแป๋วแหว๋วคือเพื่อนร่วมทีมเล่นน้ำด้วยกัน ฉันรู้สึกเสียใจ เป็นความเจ็บปวด ฉันร่วมมือกับซาตานใช่ไหม
แม้จะไม่ใช่สระน้ำในรั้วความรับผิดชอบ ซึ่งเธอจะไม่มีวันทำอย่างนั้น
แต่ในวินาทีมรณะนั้น ฉันนั่งอยู่ห่างจากเธอแค่หนึ่งลมหายใจ
แต่ตีค่าเท่ากับหนึ่งชีวิต หนึ่งชีวิตของเด็กดีที่ไม่เคยสร้างปัญหาเลย
วันรุ่งขึ้นในเวลาเดียวกับที่เธอทิ้งไปโดยไม่ร่ำลา
ฉันเข้าไปดูที่ที่เธอทิ้งร่าง อยากให้เห็นกับตา เห็นตุงส่งเธอสู่สรวงสวรรค์
ฉันได้เห็นและรู้ว่าอ่างน้ำใต้เงาไม้ร่มรื่นนั้นมีเสน่ห์เย้ายวนนัก เรือลอยลำข้างตลิ่งเหมือนเทียบท่ารออยู่ ใบพายเรือที่วางไว้ราวกับใครที่กวักมือเรียก
น้ำนิ่งๆสีเขียวใสดูสงบเรียบเย็น นกเป็ดน้ำฝูงใหญ่เพิ่งบินจาก
อ่างเก็บน้ำแห่งนี้กลืนกินชีวิตผู้คนไปหลายชีวิตแล้ว
แต่ยังไม่พบว่ามีมาตรการรักษาความปลอดภัยแต่อย่างใด
น้ำนิ่งใสภายใต้เป็นโคลนเลนเก็บกักไว้ใช้ในชุมชนหลายหมู่บ้าน
สวยงามสงบ ร่มรื่น ช่างเยือกเย็นจริงหนอ จะรออีกกี่ชีวิตให้สังเวยกันเล่า
เคยชื่นชมกับโครงการร่วมต่างๆขององค์กรท้องถิ่นหลายๆโครงการ
จับตาดูพัฒนาการของระบบดูแลท้องถิ่น เห็นการทำงานขันแข็งของผู้รับผิดชอบพื้นที่
ให้มุมมรณะมุมนี้เป็นข้อสังเกตสำหรับโครงการรักไทยรักถิ่นอีกสักหนึ่งแผนพัฒนาได้ไหม
ฤา..ประวัติศาสตร์จะมีไว้ให้ซ้ำรอย?
Even a Step back can be fatal." - - W.Brudzinski - - แม้แต่การก้าวถอยหลังก็อาจถึงแก่ชีวิตได้
|