ถูกสั่งห้ามเสนอความคิดเห็นในที่สาธารณะ เหมือนถูกเด็ดปีด
แต่.. ฉันเป็นนกเสียที่ไหนเล่าก็แค่เป็ด ไม่ได้บินก็คงไม่ตาย ฉันจะเรียนรู้ชีวิตไร้ปีก
ฉันดำน้ำได้นานในวันโหวง (ไม่ใช้คำว่างเปล่าแล้วไม่อยากให้เป็นคำถามที่ไม่มีคำตอบ)
ในความว่างเปล่ามีความหมายที่ต้องค้นหา แต่ตอนนี้คงยังไม่ถึงเวลา
ถึงวันนั้นฉันจะโบกโบยไปในความว่างเปล่าด้วยปีกที่สร้างด้วยจิต(สาธารณะมั้ย)
ดีใจกับเด็กๆในความรับผิดชอบ ทำคะแนนวิชาหลักได้ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับประเทศ
แม้จะเพียงเฉียดฉิวแต่ก็พอใจและภูมิใจที่สุด เป็นขวัญและกำลังใจของคนทำงาน
สอบผ่านไปได้ 1 งานแล้ว หากไม่รวมถึงการคงสภาพของศูนย์ฯ งานเครือข่ายประจำปีก็นับว่าสิ้นสุด
ที่จ่อมาติดๆแบบเผาขนเลยคือการเประเมินครูต้นแบบการใช้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับมอบหมายให้เข้าร่วมโครงการนี้ วันนี้ฉันเตรียมตัวพร้อมเป็นหนูตะเภา
เหมือนใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่กับงาน ชีวิตเรียบง่ายอยู่กับที่เป็นสุขดี
เมื่อไม่ไขว่คว้า เราก็ไม่ร้อนรน อะไรเล่าจะสุขเท่ากับความเย็นกายเย็นใจ
ข้างนอกเดือนมืดสนิท ใบไม้ใต้หลอดไฟนิ่งไม่กระดิก จิ้งหรีดบรรเลงเพลงเดิมเดิม
เตรียมเก็บงานจะกลับที่พัก เด็กกลุ่มใหญ่เข้ามาซ้อมรำฉันต้องรอ..ก็วันนี้เวร
นั่งลงที่เดิม เป็นอะไรไปแล้ว โรควิตกจริตเรื้อรังหรืออย่างไร
ชาวบ้านหลายคนมานั่งรอรับลูก ต้องอย่างนี้ซี ความรับผิดชอบที่สังคมแสวงหา
หากปล่อยภาระให้คุณครูประจำชั้นหรือคุณครูเวรก็หนักไปแล้ว
เหมือนเคย..ทำงานแล้วติดลม พี่สาวซ้อมรำเสร็จเมื่อไหร่ไม่รู้ จนเธอมานอนกลิ้งอยู่ข้างๆ
“ทำไมเราต้องทำงานกันหนักอย่างนี้” เธอบ่นมาให้ฉันงงเล็กๆ ตอบอัตโนมัติ
“เราก็เป็นอย่างนี้กันมาตลอด” ฉันก็เป็นอย่างนี้จริงๆ ฉันถาม “ยังไม่ชินเหรอ?
” วันหยุดเราควรได้พัก” เธอตอบ อ้าว.. ก็เนี่ยการพักของฉัน
การที่เราได้นั่งอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่พอใจ ทำงานที่เราออกแบบเอง
อยากทำคือทำ ไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำ นี่ไม่ใช่เหรอการพักผ่อน
หรือว่าการพักผ่อนของฉันไม่เหมือนใคร
จริงด้วย เมื่อวันก่อนพี่คนหนึ่งถาม ทำแล้วได้อะไร? เขาหมายถึงเว็บไดนามิคของฉัน ..โห..เอาอะไรคิด..
ป่วยการที่จะตอบ ..ฉันยิ้ม คนข้างๆตอบแทน “ก็พอใจงัย” นับให้เป็นหนึ่งคำตอบที่ใช่
ฉันกำลังค้นหางานที่ต่อเนื่องมาเพื่อต่อยอด เลยเหมือนปิดโลกข้างนอก
เดือนที่แล้วพบบทความพิเศษของแป๊บปี้ในมติชนรายสัปดาห์
เตรียมจะเขียนเรื่องราวของเธอสักหน่อย ก็ปลื้มมาก
ในวัยสิบหกของเธอมีงานเขียนคมเฉียบขนาดนั้น ทำให้ย้อนไปมองตัวเองในวัยมัธยม
ในช่วงเวลานั้นฉันทำอะไรได้บ้างนอกจากนั่งเขียนบทกลอนเพ้อฝัน กับอ่านนิยายประโลมโลก
ไม่สนใจการบ้านการเมือง ใครจะไปใครจะมาบนเส้นทางที่เรียกกันว่าประชาธิปไตย
พอใจก็เฉย ไม่พอใจก็เฉย รู้ว่าไม่ถูกต้องก็เฉย ถูกเอาเปรียบก็เฉย ไม่ใช่หน้าที่ (อย่างนี้มั้ย)
ก็เค้าปั้นให้คนไทย” ทำอะไรตามใจคือไทยแท้” หรือ”พูดไปสองไพเบี้ยนิ่งเสียตำลึงทอง”
คนไทยถูกปลูกฝังให้หลีกเลี่ยงโอษฐภัย
คงไม่ทันเตรียมตัวไว้สำหรับระบอบโอษฐาธิปไตยในวันหนึ่งที่มาถึงเร็วจี๋
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ..กลางฝนหนึ่งฉันขับรถให้คนจากองค์กรที่เคร่งครัดเรื่องสีนั่ง
ฉันต้องฟังเรื่องราวของคนระดับล่างตีแผ่เรื่องราวของคนข้างบนในสีเดียวกัน
สัมผัสของฉันตื้นไปหรือเปล่า ที่ต้องสะดุดคำกับบางเรื่องที่อาจไม่สะดุดใจใคร
ย้อนไปสักสามสิบปีเพื่อนคงขำกันฟันปลอมร่วง ( ก็หลายๆวันเก่าฉันปฏิเสธคนในเครื่องแบบ)
ชิพโปรแกรมสั่งสมองไม่ให้รับคนแปลกหน้า เห็นบ่อยๆที่นั่นที่นี่ในชุมชน จึงไม่นับว่าเป็นคนแปลกหน้า
แม้จะหน้าแปลกบ้างในความคิด คนอะไรใช้บริการรถโบกไม่ดูตาม้าตาเรือ ไม่ศึกษาประวัติคนขับรถ
หรือใครส่งมาเป็นสปาย เจ้ยย..ย ในรถฉันมีแต่ยาหอม ยาลม ยาอม ยาหม่อง
ในชีวิตประจำวันปกติฉันระวังตัวเสมอ เรื่องราวรอบตัว ข่าวสาร
สิ่งที่ไม่น่าเกิดไม่น่ามีไม่น่าเป็นเกิดขึ้นให้เห็น
ฉันไม่ใช่นักประวัติศาสตร์แต่ฉันให้ประวัติศาสตร์เป็นบทเรียน บางทีก็ต้องเพ่งกสิณมองอนาคตด้วย
กับเป้สองใบ และสายตาของหลายผู้คน ฉันรับคนต่างองค์กรมาด้วย
กว่าหกสิบกิโลเธอไม่เคยหยุดพูดเลย ดีจัง คุยได้ทุกเรื่องตั้งแต่เสือยันกบ(ในสระเดียวกัน)
จับความรู้สึกได้ว่า ถึงวันนี้แล้วการแบ่งสี แบ่งพื้นที่ ยังคงมีอยู่ในทุกองค์กร
ฉันไม่มีความเห็น ปลายแถวยังอย่างนี้ แล้วหัวแถวจะคืออย่างไร ฉันปล่อยให้เธอพูด
เหมือนมานั่งล้วงความคิด แต่ไม่มีวันเสียละ ก็ถูกแบนการแสดงความคิดเห็น
“ คุณอภิสิทธ์ขาดทีมงานที่ดี “ ฉันพูดได้แค่นี้ แต่จริงใจ
ในสิ่งที่พูดอาจไม่ใช่ตัวแทนของกลุ่มคนที่มาจากสีเดียวกัน แต่ก็ชัดเจนมากสำหรับหลักการและแนวคิด
คำตอบฉันมีแค่ “คนไทยคงยังต้องมองดูการพายเรือในอ่างไปอีกหลายชั่วคน”
จนกว่า..จะสิ้นชาติมั้ง ..( พูดอย่างนี้ได้ที่ไหนกันเล่า แค่คิด แต่เหมือนมันดังจัง)
กรุงศรีอยุธยาไม่สิ้นคนดี จริงหรือเปล่า? หลายคนคงตั้งคำถามอย่างนี้
ถามได้แต่ไม่มีคำตอบ เขาไม่ให้ฉันแสดงความเห็นในที่สาธารณะ
ในขณะที่องค์กรทางการศึกษาเคี่ยวเข้มขับเคลื่อนโยบายพัฒนาระบบการศึกษาและบุคลากร
สารพัดโครงการเร่งรัดเพื่อยกระดับการศึกษาไทย หนีตำแหน่งบ๊วยในเวทีที่เรียกกันว่าสากล
ใครใคร(ที่ไม่ใช่ฉัน)จะได้รับรู้กันไหมว่าบุคลากรระดับล่างเหนื่อยกันสุดสายใจแล้ว
สารพัดนโยบายที่ทับถมจนไม่มีแม้โอกาสที่จะได้เห็นว่าหลายๆองค์กรใส่เกียร์ว่างกันหมด
รู้สึกเหมือนคนกลุ่มนั้นกำลังมองฉันอย่างสมเพชเต็มที คงลืมไปว่าฉันไม่ได้เกิดมาให้ใครรังแก
คนดีศรีอยุธยาที่ยังหลงเหลืออยู่ช่วยขับเคลื่อนรัฐนาวาให้สู่ฝั่งฝันหน่อยเถอะ
อย่าให้เป็นทัวร์ฉิ่งฉาบเลย มันเสี่ยงกับโรคสายพันธุ์ใหม่ ” ไขัหวาดระแวง!.
ถ้าคนไทยทั้งหมดทั้งมวลระแวงกับการเปลี่ยนแปลงเสียแล้วจะหวังให้ก่อร่างสร้างดีกันอย่างไรเล่า
คนดีศรีสังคมไทยมีตัวตนไหม โปรดเถอะมาช่วยกันสานต่อสิ่งดีดีที่มีอยู่แล้วให้เป็นชิ้นเป็นอัน
อย่าให้เป็นแค่ "ปฏิมากรรมน้ำลาย" อย่าให้ต้องเริ่มต้นกันใหม่เลย
ใครก่อก็ช่างมาช่วยกันสานได้ไหม ฉันเกรงใจบรรพบุรุษไทยเต็มทีแล้ว