สำหรับเครื่องสแกนเนอร์ที่มีใช้ ส่วนใหญ่มักจะมีคุณภาพระดับปานกลาง เพราะราคาที่ไม่แพง ทำให้เกิดความนิยมหาซื้อไปใช้งานทั่วๆ ไป บางครั้งภาพที่สแกนได้ก็มีคุณภาพไม่เพียงพอ เพราะข้อจำกัดของสแกนเนอร์ ที่ไม่สามารถสแกนภาพความละเอียดสูงๆ ได้ แต่ก็มีหนทางที่จะแก้ไข ให้ภาพนั้นมีความคมชัด และรายละเอียดเพียงพอ สำหรับการนำไปใช้งานในที่ต่างๆ ได้
การเตรียมตัวก่อนการสแกนภาพ
-
ต้องตรวจสอบรูปภาพ ทำความสะอาด คัดเลือกรูปที่สวยงาม ขนาดที่เหมาะสม
-
โปรแกรมสำหรับการสแกนภาพ ส่วนใหญ่จะมีโปรแกรมเฉพาะที่มีให้มาพร้อมกับเครื่องสแกนเนอร์ เพื่อใช้ในการทำงาน แต่อาจมีรูปแบบหรือรายการให้เลือกไม่มากนัก
-
โปรแกรมสำหรับจัดการตกแต่งรูปภาพใช้ทำงานร่วมกับเครื่องสแกนเนอร์ เช่น PhotoShop หรือ CorelDraw Paint ที่สามารถเชื่อมโยงใช้ทำงานร่วมกับเครื่องสแกนเนอร์ ซึ่งสามารถใช้ในการตกแต่งปรับรูปแบบของภาพให้ดูสวยงาม
-
เครื่องสแกนเนอร์ที่มีใช้อยู่ จะมี 2 ลักษณะดังนี้
-
ตรวจสอบสภาพการเชื่อมโยงและโปรแกรมให้ถูกต้องสมบูรณ์
โดยก่อนอื่นต้องกำหนดให้ ความละเอียดในการสแกนของภาพนั้นสูงๆ เอาไว้ก่อน เช่น 600 dpi ขึ้นไป เป็นต้น ซึ่งหน่วย dpi นี้จะเป็นหน่วยสำหรับบอกความละเอียดของภาพ โดย dpi ย่อมาจาก dot per inches หรือความละเอียดเป็นจุดต่อนิ้ว เช่น ที่บอกว่าให้สแกนภาพ ในความละเอียดระดับ 600 dpi ก็จะหมายถึงภาพที่สแกนนั้น จะมีจำนวนจุดในหนึ่งตารางนิ้วเท่ากับ 600 จุด ซึ่งหากเทียบกับภาพที่สแกนด้วยความละเอียด 300 dpi ก็จะมีจำนวนจุดเพียง 300 จุดต่อตารางนิ้ว แต่ภาพที่มีความละเอียด 600 dpi จะมีขนาดของภาพใหญ่กว่าตามไปด้วย ดังนั้น ควรจะใช้ความละเอียดให้เหมาะสม
หลังจากที่สแกนภาพ ด้วยความละเอียดประมาณ 600 dpi มาแล้ว ก็ให้ใช้ โปรแกรมตกแต่งภาพจำพวกโฟโตชอป (Photoshop) หรือเพนต์ชอปโปร (PaintShop Pro) ก็ได้ จากนั้นให้ใช้คำสั่งทำให้ภาพเบลอ (Filter Blur) เพื่อลบรายละเอียดที่เกินมา ซึ่งอาจจะเกิดลายของกระดาษ ที่ทำให้เกิดลายเสื่อขึ้น โดยอาจใช้คำสั่งนี้หลายครั้งหน่อย ในกรณีที่เกิดลายเสื่อมาก จากนั้นสั่งปรับให้ภาพชัดเจนขึ้น โดยใช้คำสั่ง Filter Sharpen แล้วลดความละเอียดของภาพลงเล็กน้อย เช่น จาก 600 dpi ลงมาเหลือ 400 หรือ 300 dpi เพื่อทำให้ภาพนั้นดูกลมกลืนขึ้น ก็ทำให้ได้ภาพใกล้เคียงกับต้นฉบับมากขึ้น |