สังคมอย่าเลือนประวัติศาสตร์ชาติไทย
***********
เพราะกระแสภาพยนตร์เรื่อง "ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช" กำลังมาแรง อีกทั้งเนื้อหาของภาพยนตร์ยังแสดงถึงความรักชาติ การเสียสละชีวิต
เพื่อให้คงไว้ซึ่งชาติบ้านเมืองอันสงบสุข แม้เรื่องราวเหล่านี้จะเป็นเหตุการณ์ในอดีต ที่ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ แต่เชื่อแน่ว่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ชิ้นนี้ ยังคงติดตรึงอยู่ในความทรงจำของคนไทยตราบนานเท่านาน
ด้วยเหตุนี้เราจึงสอบถามไปยังคนดังในแวดวงสังคม ว่าแต่ละคนจดจำเรื่องราวในอดีตเรื่องไหนได้กันบ้าง เริ่มจากนักธุรกิจหนุ่ม "หนึ่ง" สุริยน ศรีอรทัยกุล บอกว่า หากจะให้นึกถึงเรื่องราวในอดีต สิ่งหนึ่งที่เขาจำได้อย่างแม่นยำ คือ บูรพมหากษัตริย์ของไทย ที่ยอมเสียสละเลือดเนื้อ ทั้งร่างกายและจิตใจ เพื่อรักษาแผ่นดินและชาติบ้านเมืองให้คงอยู่มาจนถึงปัจจุบันนี้
"ผมอยากให้คนไทยมีจิตใจรักชาติ เราทุกคนมีจุดมุ่งหมายและเป้าหมายเดียวกัน คืออยากให้ประเทศมีความสมานฉันท์ สงบสุข กินอยู่กับแบบพอเพียง พอมีพอกิน ทุกวันนี้ประเทศของเรามีขวากหนามมากมาย กราฟเศรษฐกิจของเราก็ขึ้นๆ ลงๆ คนไทยทั้งประเทศต้องจูงมือและยืนหยัดที่จะก้าวผ่านอุปสรรคเหล่านี้ไปให้ได้
ประเทศไทยเป็นของเรา ทุกคนต้องเสียสละกันอย่างละนิดอย่างละหน่อย ถ้าสังคมเราเป็นสังคมที่เอาแต่ได้คงไปไม่รอด เราต้องดำเนินชีวิตกันอย่างมีเหตุผล ต้องเดินสายกลางค่อยๆ ไปกันทีละก้าว ความสามัคคีเป็นเรื่องสำคัญ อะไรผิดอะไรถูกก็ว่าไปตามนั้น" หนึ่ง กล่าวอย่างหนักแน่น
พร้อมกับบอกด้วยว่า ทุกวันนี้แค่มองตาคนในสังคมก็รู้ใจกันแล้ว ว่าอยากจะให้บ้านเมืองเป็นอย่างไร ดูตัวอย่างจากประเทศเพื่อนบ้าน ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเจอปัญหาหนักมาก แต่สุดท้ายเขาก็รวมเป็นหนึ่งเดียวกัน สามารถทำให้คนในชาติของเขาประหยัด หันมาใช้ของที่ประเทศของตัวเองผลิตได้
"ประเทศของเรามีพร้อมทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสภาพภูมิอากาศที่ทำให้เรามีผลไม้รับประทานตลอดทั้งปี สถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม ในแบบที่เราไม่จำเป็นต้องไปเที่ยวต่างประเทศเลย ประเทศเราเป็นประเทศที่น่าอิจฉาของหลายๆ ประเทศ ผมไม่อยากให้เรามองข้ามสิ่งเหล่านี้ ซึ่งเราต้องช่วยกันพัฒนาประเทศของเราไปด้วยกันถึงจะดีที่สุด" หนึ่ง กล่าวทิ้งท้าย
ด้าน วินทร์ เลียววารินทร์ นักเขียนชื่อดังผู้หยิบยกประวัติศาสตร์มาถ่ายทอดเป็นนวนิยาย บอกเล่าว่า ส่วนตัวเขาสนใจประวัติศาสตร์ทุกช่วงในแง่ของการเรียนรู้ นับตั้งแต่ยุคโบราณจวบจนปัจจุบัน เท่าที่เขาศึกษามา จะพบว่าประวัติศาสตร์โลกมักจะมีเรื่องราวน่าตื่นเต้นซ้ำรอยอยู่เสมอ ยกตัวอย่างเช่นเรื่องการเมือง แค่ในรอบ 70 ปี มีการพยายามต่อสู้เพื่อแย่งชิงอำนาจสูงสุด จากนั้นก็ตกลงมา เป็นวัฏจักรในรอบไม่กี่สิบปีเท่านั้น
ส่วนเหตุผลที่คนไทยสนใจประวัติศาสตร์ไม่มากเท่าที่ควร วินทร์ มองว่า "เราจะรู้จักประวัติศาสตร์แค่ในบทเรียนเท่านั้น เราเรียนตามตำรา เรียนเพื่อให้สอบผ่านเท่านั้น ไม่รู้ว่าเกี่ยวข้องกับชีวิตเราอย่างไร มันคนละยุคกับที่เราอยู่ ทั้งที่ทุกอย่างล้วนเป็นเรื่องเดียวกันทั้งนั้น ทั้งโบราณถึงปัจจุบัน จะสมัยกรีก หรือยุคนี้ การเล่นการเมืองก็ไม่ต่างกัน จะไม่เหมือนกันก็แค่ตัวเรื่อง การจะกระตุ้นให้นักเรียนสนใจเรื่องประวัติศาสตร์ คงต้องอยู่ที่การสอนด้วย ต้องบอกเล่าถึงที่มาที่ไป ประวัติศาสตร์นอกตำราเรียนอย่างนิยายอิงประวัติศาสตร์ก็เป็นอีกวิธีหนึ่ง นิยายจะทำให้อ่านได้สนุก อย่างกิมย้งเขียนเรื่องมังกรหยกเราก็อยากรู้ว่าความจริงเป็นเช่นนั้นหรือไม่" นักเขียนซีไรต์ กล่าว
ส่วนสาวรุ่นใหม่ "มิ้นท์" อรรถวดี จิรมณีกุล บอกว่า ถามว่าเรื่องราวในประวัติศาสตร์เรื่องใดที่ประทับใจตอบได้ทันทีว่า เรื่องของพระศรีสุริโยไท ที่รู้จักและชื่นชอบเพราะได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้เมื่อไม่นานมานี้เอง ทำให้รู้สึกว่าบรรพบุรุษของเราโดยเฉพาะพระศรีสุริโยไททรงรักผืนแผ่นดินมาก ยิ่งพระองค์เป็นเพียงสตรียังลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อปกป้องพระสวามีและประเทศชาติ ทำให้ซาบซึ้งยิ่งขึ้นไปอีก
"คนรุ่นใหม่ตอนนี้ไม่ค่อยใส่ใจกับเรื่องราวในอดีต เรื่องราวประวัติศาสตร์ทำให้เกิดปัญหาต่างๆ มากมาย เพราะความไม่สมัครสมานสามัคคีกัน รวมทั้งการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ในปัจจุบันจะเรียนรู้ได้ทางเดียวคือหนังสือเรียน ยิ่งเด็กและเยาวชนไม่สนใจอยู่แล้วยิ่งทำให้ประวัติศาสตร์ชาติไทยถูกเลือนไป ดีที่ว่าในช่วงนี้มีการหยิบยกเรื่องราวในประวัติศาสตร์มาสร้างเป็นภาพยนตร์ คนก็จะรู้จักเรื่องของบรรพบุรุษผ่านทางนี้ แต่มันก็แค่กระแสหนังในช่วงสั้นๆ เท่านั้นเอง" ไฮโซสาวรุ่นใหม่ บอกความรู้สึก
ส่วน "แดง" สมศักดิ์ ชลาชล เจ้าของร้านผมชื่อดังชลาชล กล่าวว่า คนไทยเผลอบ้าบอเอาแต่โลกตะวันตกเขามาใช้ จนจะกลายเป็นเรื่องปกติกันไปแล้ว ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้คนไทยลืมความเป็นไทย ลืมบรรพบุรุษที่ต่อสู้เพื่อสร้างผืนแผ่นดินให้มั่นคงเป็นปึกแผ่น และจนถึงกระทั่งลืมวัฒนธรรมของคนไทยที่แท้จริงไปแล้ว
"ตอนนี้ในบ้านเราคนไทยถูกกลืนไปเรียบร้อย เอาง่ายๆ ดูอย่างผู้คนที่อยู่ในประเทศไทย ขณะนี้ส่วนใหญ่เป็นพม่า เขมร ไทยใหญ่ โดยเฉพาะในร้านเสริมสวยต่างๆ จะมีแรงงานต่างด้าวมาเป็นช่างทำผมกันมากขึ้น รับเป็นลูกจ้างให้ช่วยสระผม ซึ่งเขาก็เรียนรู้การทำผมไปด้วยพร้อมๆ กัน ลืมกันไปหรือว่าในประวัติศาสตร์นั้นบรรพบุรุษเราขับไล่ผู้บุกรุกออกนอกประเทศ แต่ในปัจจุบันเราปล่อยให้เข้าเดินในบ้านเมืองเราอย่างสบาย และอยู่อย่างสะดวกเสียด้วย" สมศักดิ์ กล่าว
ส่วนเรื่องในประวัติศาสตร์ที่เจ้าของร้านผมชื่อดังระลึกถึงเสมอ นั่นก็คือเรื่องราวของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่จัดทำเป็นภาพยนตร์อยู่ในขณะนี้ ซึ่งเห็นได้ชัดเจนว่าพระองค์ท่านทำทุกวิธี ต่อสู้อย่างเต็มกำลังความสามารถที่จะประกาศเอกราชให้ประเทศไทยไม่ให้เป็นเมืองขึ้น ซึ่งคนไทยในยุคนี้ลืมกันหรือเปล่าว่า กว่าจะมีวันนี้ได้บรรพบุรุษไทยลำบากยากเย็นเพียงใด
"อยากให้คนไทยทุกคนไม่ต้องห่วงกังวลกับเรื่องใหญ่ๆ ในประเทศชาติที่เกิดขึ้นในขณะนี้เป็นเรื่องของรัฐบาลที่เขาต้องแก้ไข เพียงแต่หันกลับมาดูสิ่งที่เกิดขึ้นภายในตำบล หมู่บ้านที่อยู่ ว่าตอนนี้มีแรงงานต่างชาติเข้ามามากน้อยแค่ไหนแล้ว พร้อมกับช่วยกันรักษาวัฒนธรรมท้องถิ่นให้คงอยู่ เพราะมิฉะนั้นประเทศไทยของเราจะถูกกลืนหายไปอย่างแน่นอน" ช่างผมชื่อดัง กล่าวเตือน
ปัญหาที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองขณะนี้ ชี้ชัดแล้วว่าสังคมไทยลืมเลือนประวัติศาสตร์ของไทย โดยเฉพาะการก่อร่างสร้างตัวที่บรรพบุรุษต้องเลียชีวิต เสียเลือดเนื้อเพื่อปกป้องเอาไว้ ณ เวลานี้สมควรหรือยังที่เราจะปกป้องบ้านเมือง ร่วมรักสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เพื่อให้บ้านเมืองสงบสุขดำเนินชีวิตอย่างพอเพียงตามสถานะอย่างที่ควรกระทำ
หนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก ๒๐ มกราคม ๒๕๕๐