Neric-Club.Com
  สารบัญเว็บไซต์
  ทรัพยากรคลับ
  พิพิธภัณฑ์หุ่นกระดาษ
  เปิดประตูสู่อาเซียน@
  พันธกิจขยายผล
  ชุมชนคนสร้างสื่อ
  คลีนิคสุขภาพ
  บริหารจิต
  ห้องข่าว
  ตลาดวิชา
   นิตยสารออนไลน์
  วรรณกรรมเพื่อเยาวชน
  ลมหายใจของใบไม้
  เรื่องสั้นปันเหงา
  อังกฤษท่องเที่ยว
  อนุรักษ์ไทย
  ศิลปวัฒนธรรมไทย
  ต้นไม้ใบหญ้า
  สายลม แสงแดด
  เตือนภัย
  ห้องทดลอง
  วิถีไทยออนไลน์
   มุมเบ็ดเตล็ด
  เพลงหวานวันวาน
  คอมพิวเตอร์
  ความงาม
  รักคนรักโลก
  วิถีพอเพียง
  สัตว์เลี้ยง
  ถนนดนตรี
  ตามใจไปค้นฝัน
  วิถีไทยออนไลน์
"ในยุคสมัยแห่งโลกแฟนตาซี ปลาใหญ่ไม่ทันกินปลาเล็ก ปลาเร็วไม่ทันกินปลาช้า ปลาตะกละฮุบเหยื่อโผงโผง โง่ยังเป็นเหยื่อคนฉลาด อ่อนแอเป็นเหยื่อคนเข้มแข็ง คนวิถึใหม่ต้องฉลาด เข้มแข็ง เสียงดัง มีเงินเป็นอาวุธ
ดูผลโหวด
 
 

'องค์ความรู้ในโลกนี้มีมากมาย
เหมือนใบไม้ในป่าใหญ่
มนุษย์เราเรียนรู้ได้
แค่ใบไม้หนึ่งกำมือของตนเอง
ผู้ใดเผยแผ่ความรู้
อันเป็นวิทยาทานแก่ผู้อื่น
นั่นคือกุศลอันใหญ่ยิ่ง'
 
องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า












           




             ซ่อมได้ 


สถิติผู้เยี่ยมชมเวปไซต์
14032353  

ลมหายใจของใบไม้

:::ดั่งน้ำเซาะทราย:::




จากวันนั้น..ถึงวันนี้
ตุลาคมมาถึงอีกแล้วปลายฝนหรือเปล่า?

ฉันกำลังย้อนอดีตถึงเหตุการณ์น้ำท่วมเฉียบพลันที่ช็อคเพื่อนร่วมแผ่นดิน
หลายปีก่อน..ความผันผวนของอุบัติภัยครั้งนั้น กระตุกจิตสำนึกฉันรุนแรง
เป็นสัญชาตญานของมนุษย์ละมังที่รักถิ่นฐานบ้านเกิด
หากจะต้องดับขันธ์ลงในสักวัน ขอพื้นที่สุดท้ายเป็นบ้านของตัวเอง
ขอให้เฮือกสุดท้ายของชีวิต เป็นลมหายใจกลิ่นของอ้อมกอดมาตุภูมิ


ฉันไม่ห่วงบ้านเกิดเท่าไหร่เพราะรู้ดีว่าปลอดภัย
"พ่อนกแม่นก"ของฉันหารังที่ปลอดภัยที่สุดไว้ให้ลูกเล็กเล็กแล้ว
แต่ฉันเหนื่อยใจที่ติดต่อคนติดเกาะนั่นไม่ได้เลย
เกือบยี่สิบห้าชั่วโมงที่กระวนกระวายอยู่ ฉันจะสติแตก

มองไปทางไหน คนคุ้นเคยเหลือแค่ความเคยคุ้น
มีแต่เสียงปลอบใจตัวเองเล็ดลอดมาให้ประทังความโหยหา
"บัณฑิตย่อมต้องมั่นคงดั่งภูผา"ภูผานั่นไงล่ะ ที่ถล่มลงมาเพราะฝนที่เคยฉ่ำเย็น
ฝน..น้ำหยดลงหินทุกวันหินมันยังกร่อน
เขาทั้งลูกยังสไลด์ลงมาได้ในพริบตาเดียว !
ฉันไม่ใช่หินผา หรือว่าใช่.. ไม่รู้ซิ..รู้แต่กำลังจะเป็นเทียนละลายแท่ง..
วันนี้ฉันเป็นเทียนใกล้มอดดับแล้วหรือยัง
วันนั้นเสียงจากทางไกลติดต่อมาหลายทิศทาง
แต่ฉันให้คำตอบอะไรไม่ได้สักอย่าง
เทคโนโลยีที่ชื่นชมกันนักหนา..ถึงเวลาเข้าจริงจริง..ล่มหมดเลย..
เหมือนฉันในวันนี้ ความรู้ท่วมหัว จะเอาตัวไม่รอด

เช้าวันนั้นที่ติดต่อได้ เหมือนยกภูเขาออกจากอก
เวลาทุกข์ฉันคิดถึงบ้านจับใจวันนั้นแทบจะทนรอให้น้ำลดไม่ไหว
ต้องลุกออกไปเยี่ยมเยียนผู้ประสบภัยที่อยู่ใกล้ตัว
สายสายวันนั้นฉันดิ่งกลับบ้าน..

ถนนโคลนบนทางผ่านทิ้งร่องรอยภัยธรรมชาติให้เห็น
วันนี้ร่องรอยนั้นไม่มีให้เห็นแล้ว แต่ทำไมฉันเหมือนเรือติดโคลน
วันนั้นสงสารผู้ประสบภัย ภัยเงียบนั่นคืบคลานมาในความมืด
ในขณะที่ทุกคนหลับสบาย วันนี้ฉันสงสารตัวเอง
แม้ยามหลับยังผวาตื่นมองหาอะไรที่ใกล้เหมือนแค่เอื้อม แต่เอื้อมไม่ถึง

วันนั้นฉันเดินเข้าบ้าน
จุดธูปบอกขอบคุณพ่อนกแม่นกที่เตรียมรังที่ปลอดภัยที่สุดไว้ให้สำหรับลูกลูก
ไม่ลืมที่จะอธิษฐานขอให้ฉันประสบความสำเร็จในชีวิตการทำงาน
อธิษฐานให้ได้กลับมาปฏิบัติงานใกล้บ้านเสียที
ฉันไม่อยากใช้ชีวิตตามลำพังแล้ว มันไม่เหมาะกับฉันเลย
วันนี้ฉันเหนื่อยเต็มทีแล้ว.. ฉันล้ากับการต่อสู้ท่ามกลางคนแปลกหน้า


ในความเงียบครั้งนั้น ความคิดวุ่นวายสับสนไม่เป็นอันทำงาน
ทรมานกับความคิดพลุ่งพล่าน ฉันหาเส้นทางกลับบ้านตัวเองไม่ได้
ฉันหาทางกลับบ้านวนเวียน แล้วจะเอาจิตใจที่ไหนมาทำงานตรงหน้าให้ได้ดี
เส้นทางวันนี้เหมือนมืดมนกว่า ไม่มีแม้ป้ายบอกทาง ฉันวนเวียนหาทางออก
ข้อคิด
ความรักไม่มีวันละลาย เหมือนเพิ่งผ่านออกไปชั่วกระพริบตา
เส้นทางที่เลือกเดินเหมือนทรยศตัวเอง ฉันทรยศตัวเองหรือเปล่า?
เปล่าเลย..ฉันแค่ต่อสู้เพื่อตัวเองตามสัญชาตญานเอาตัวรอดของมนุษย์หนึ่ง
ฉันเคย
ตามหาละม่อม ในวันที่เหลียวหาบางใคร
บางใครที่เป็นผู้จัดการชีวิตฉัน
บางใครที่มีความจริงใจ
บางใครที่ไม่ตระบัตสัตย์
บางใครที่รักษาคำพูดเสมอ
บางใครที่รู้จักวิเคราะห์แหล่งข่าว
บางใครที่วิเคราะห์ได้ทั้งผู้อื่นและตัวเอง



ฉันเขียน
คนติดแบนด์ ในวันฝ่าฟันอุปสรรคแรกบนเส้นทางวิชาชีพ
วันที่เดียวดายอยู่ท่ามมรสุม สารพันอุปสรรค สารพันปัญหา ทั้งศึกนอกศึกใน
แต่ในทุกครั้งฉันพยายามสะสางหาต้นสายปลายเหตุและต้นตอพบได้ด้วยตัวเอง
ฉันตอบโต้ทันที-ทันควันและเคลียร์ทุกอย่างกระจ่างเสมอ
ก็ไม่ได้เกิดมาให้ใครรังแก ชีวิตวนเวียนอยู่กับ
กล้วยไม้ ก้อนหิน ดินหอม โคลน
หลายวันที่จ่อมจมอยู่กับปัญหาจากแมงป่องในถุงเท้า
สาเหตุของเรื่องราวมากมาย ฉันนึกต้นตอวุ่นวายจากจุดนั้น จุดนี้
มองด้วย
ลมหายใจและสายตา
หลายคืนที่ควานสาเหตุความระส่ำระสายอย่างชัดเจนในช่วงเวลาหลายปี
คนรอบนอกพยายามให้กำลังใจและเตือนสติ
กว่าจะเข้าใจกระจ่างก็เกือบลืมโลกภายนอก ได้รู้ว่าทุกเส้นทาง
แค่ใจเอื้อม

ในความนิ่งนิ่งของฉันก็ถูกหลายมือคว้าเอาไปเป็นเกราะป้องกันตัวเอง
หลายกรณีที่ต้องเป็นหนังหน้าไฟ ก็แค่อุบัติเหตุบนเส้นทางวิชาชีพ
ในภาวะการแข่งขัน ในสภาพแวดล้อมตัวกูของกู..มันก็เป็นเช่นนั้นเอง...

วันที่ภาพลักษณ์ของฉัน "ทำตัวสำคัญ" ฉันเลือกที่จะไม่ปฏิเสธ..
ถ้าเราไม่ศรัทธาในตัวเองแล้วจะหวังให้ใครมาเชื่อถือศรัทธา
เพียงแต่ฉันยังรู้จักให้เกียรติคนอื่น รู้ว่าเมื่อไรควรรับเมื่อไรควรให้
ในชีวิต ฉันไม่เคยเอาเปรียบคนอื่น ไม่เอาผลงานคนอื่นมาเป็นผลงานตัวเอง
ในขณะเดียวกันผลงานของฉันย่อมไม่ปล่อยให้ใครช่วงชิงโดยง่าย

ฉันรู้หลายคนอยากได้
งานของฉัน
แต่เขาลืมคิดไปว่ากว่าฉันจะมาถึงตรงนี้ได้ ต้องผ่านกระบวนการอะไร
จุดที่ฉันเคยยืนใช่ว่าใครใครก็เข้ามาได้ที่ไหนกัน
มันหมายถึงเครดิตการทำงานของฉัน ประสบการณ์ทั้งชีวิตของฉัน


The good shine from far away
Just as the Himalayan peaks.
The wicked are not seen, though near,
Just as an arrow shot at night

คนดี ย่อมปรากฎเด่น เหมือนภูเขาหิมพานต์
คนไม่ดี ถึงอยู่ใกล้ ก็ไม่ปรากฎ
เหมือนลูกศรที่เขายิงไปในราตรี

ไม่ว่าฉันจะอยู่ที่ไหน ใกล้ไกลเพียงไร
ชื่อเสียงของฉันเป็นที่ปรากฏ ผลงานเป็นที่ประจักษ์มาเสมอ
วันที่ความคิดสื่อออกเป็นพลังเงียบ เข้าสายตาผู้ใหญ่
หลายคนพูดทั้งต่อหน้าและลับหลัง ”คนจะดังอยู่ที่ไหนก็ดัง”
"คนดีอยู่ที่ไหนก็ดี" " คนเก่งอยู่ที่ไหนก็เก่ง"
ฉันน่าจะได้อยู่อย่างคนเก่ง ดี มีสุข
ควรพอใจกับการได้
ทำงานที่ใจรักเหมือนบันทึกไว้ใน ถนนสายปรารถนา
แต่อะไรเล่าผลักดันฉันก้าวออกสู่ทะเล..
ใช่..ฉันกำลัง
ออกทะเล..




หลายวันคืนที่จ่อมจมอยู่กับความคิดวกวน
หาคำตอบที่ดีที่สุดให้ตัวเอง ขอบคุณข้อคิดที่ผ่านมาบน
ทางแยก
"เราเหมือนปลาในลำคลอง วันหนึ่งก็ต้องหาทางออกสู่แม่น้ำ"
ฉันพบไฟเขียว ผิดไปนิดเดียวก็แอบแย้งในใจ
ฉันคือปลาในแม่น้ำ กำลังออกสู่ทะเลต่างหาก..
ขอบคุณทุกสิ่งอย่างที่หล่อหลอมให้ฉันเป็นฉันในวันนี้
ขอบคุณองค์กรที่ผลักดันให้ฉันก้าวไปข้างหน้า
ไม่มีวันลืมทุกประสบการณ์ ไม่ลืมคำพูดของตัวเองวันอำลา
ขอบคุณเรือสำเภาในกล่องผูกโบว์สีฟ้า
ระลึกไว้เสมอ เรือไม่ได้ถูกออกแบบไว้ให้จอดนิ่งอยู่ในท่า
จำได้อาขยานบทนั้น บทที่ฟังมาทั้งชีวิต
"จงตั้งเอากายเจ้าเป็นสำเภาอันโสภา
ความเพียรเป็นโยธาแขนซ้ายขวาเป็นเสาใบ"

วันนี้ฉันคงเป็นแค่ส่วนประกอบที่เฝ้ามองดูเรือทุกลำ
ให้ถึงฝั่งลำเลียงทุกทรัพยากรเทียบท่าได้ทุกลำโดยสวัสดิภาพ
ไม่ใช่ประภาคาร ไม่ใช่ทราย ไม่ใช่ทะเล ขอสติเป็นหางเสือเถอะนะ
หรือเป็นได้แค่ปลาน้ำจืดที่หาญกล้าออกสู่ทะเล..
ขอเป็นปลาที่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ต้องแหวกว่ายอยู่ในทะเล
ขอเป็นปลาตัวที่ไม่ลอยตามน้ำได้ไหม ?
นะ..ฉันเป็นปลาโลมาตัวใหญ่ที่ไม่มีวันล่มลำเรือ..!



เพลงประกอบ :::น้ำเซาะทราย:::


หน้าที่ :: 105   106   107   108   109   110   111   112   113   114   115   116  


Copyright © 2012 Neric-Club.Com All Rights Reserved