Neric-Club.Com
  สารบัญเว็บไซต์
  ทรัพยากรคลับ
  พิพิธภัณฑ์หุ่นกระดาษ
  เปิดประตูสู่อาเซียน@
  พันธกิจขยายผล
  ชุมชนคนสร้างสื่อ
  คลีนิคสุขภาพ
  บริหารจิต
  ห้องข่าว
  ตลาดวิชา
   นิตยสารออนไลน์
  วรรณกรรมเพื่อเยาวชน
  ลมหายใจของใบไม้
  เรื่องสั้นปันเหงา
  อังกฤษท่องเที่ยว
  อนุรักษ์ไทย
  ศิลปวัฒนธรรมไทย
  ต้นไม้ใบหญ้า
  สายลม แสงแดด
  เตือนภัย
  ห้องทดลอง
  วิถีไทยออนไลน์
   มุมเบ็ดเตล็ด
  เพลงหวานวันวาน
  คอมพิวเตอร์
  ความงาม
  รักคนรักโลก
  วิถีพอเพียง
  สัตว์เลี้ยง
  ถนนดนตรี
  ตามใจไปค้นฝัน
  วิถีไทยออนไลน์
"ในยุคสมัยแห่งโลกแฟนตาซี ปลาใหญ่ไม่ทันกินปลาเล็ก ปลาเร็วไม่ทันกินปลาช้า ปลาตะกละฮุบเหยื่อโผงโผง โง่ยังเป็นเหยื่อคนฉลาด อ่อนแอเป็นเหยื่อคนเข้มแข็ง คนวิถึใหม่ต้องฉลาด เข้มแข็ง เสียงดัง มีเงินเป็นอาวุธ
ดูผลโหวด
 
 

'องค์ความรู้ในโลกนี้มีมากมาย
เหมือนใบไม้ในป่าใหญ่
มนุษย์เราเรียนรู้ได้
แค่ใบไม้หนึ่งกำมือของตนเอง
ผู้ใดเผยแผ่ความรู้
อันเป็นวิทยาทานแก่ผู้อื่น
นั่นคือกุศลอันใหญ่ยิ่ง'
 
องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า












           




             ซ่อมได้ 


สถิติผู้เยี่ยมชมเวปไซต์
14053167  

คลีนิคสุขภาพ

มหัศจรรย์พลังผักและผลไม้

      วัฒนธรรมการบริโภคของคนไทยที่เปลี่ยนแปลงไปทุกวันนี้ ต้องเรียกว่า อาการน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะการรับประทานผักผลไม้แค่ 1 ใน 3 ของมื้ออาหาร ซ้ำร้ายยังขาดการออกกำลังกาย ส่งผลให้เกิดภาวะโรค โรคอ้วน โรคเบาหวาน ความดันโลหิต มีคนไทยเพียง 1 ใน 3 ที่กินผักได้ตามเกณฑ์มาตรฐาน และยิ่งอายุมากขึ้นกลับมีระดับการบริโภคผักและผลไม้ยิ่งลดลง ทั้งนี้เกณฑ์มาตรฐานของการบริโภคผักและผลไม้ที่เพียงพอต่อร่างกายในแต่ละวันไม่ต่ำกว่า 400 กรัมต่อวัน แต่ผลการสำรวจยังพบว่าผู้ชายร้อยละ 80 และผู้หญิงร้อยละ 76 ยังบริโภคผักแ...

 ผักผลไม้มีกากใย วิตามิน และแร่ธาตุ ซึ่งจำเป็นต่อร่างกาย และผลไม้ให้น้ำตาลเพื่อเพิ่มเติมพลังงานซึ่งร่างกายควรจะได้รับทั้งสองอย่างในปริมาณที่เหมาะสม จากการวิจัยยังพบว่าการบริโภคผักผลไม้อย่างเพียงพอจะทำให้โอกาสเป็นโรคต่างๆ น้อยลงด้วย โดยเฉพาะโรคเรื้อรัง เช่น โรคมะเร็ง โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ และหลอดเลือดสมองลดลงได้

กินให้หลากหลาย

สำหรับมาตรฐานที่เหมาะสมสำหรับการบริโภคผัก คือ 3 หน่วยมาตรฐาน (1 หน่วยมาตรฐาน = 80 กรัม) ส่วนผลไม้ควรบริโภคอย่างน้อย 2 หน่วยมาตรฐาน ฉะนั้น ควรกินผักวันละประมาณ 240 กรัม และกินผลไม้อย่างน้อยวันละ 160 กรัม (รวม 4 ขีด)

ในส่วนมาตรฐานที่เหมาะสมของการบริโภคผักใน 1 วัน มีดังนี้ หากเป็นผักสดหรือประเภทสลัดเทียบเท่าปริมาณ 3 ถ้วยตวง ส่วนผักที่มีการปรุงแล้ว เช่น ผัดผัก ผักต้ม ต้องบริโภควันละ 1 ถ้วยครึ่ง โดยการบริโภคผักอาจจะมีอยู่ในทุกมื้ออาหาร

ส่วนการบริโภคผลไม้ของคนไทยอาจไม่ได้บริโภคทุกมื้อ โดยมากอาจจะบริโภคมื้อกลางวันหรือมื้อเย็น เนื่องจากมีเวลาและสะดวกในการหาซื้อผลไม้ได้ ซึ่งมาตรฐานของการบริโภคผลไม้ใน 1 มื้อ เทียบได้ดังนี้ กล้วยน้ำว้า 1 ลูก, ส้มเขียวหวาน 1 ลูกใหญ่, เงาะ 4 ลูก เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม จากการศึกษานี้ให้ข้อเสนอแนะว่าควรมีการส่งเสริมเรื่องการทำพืชผักสวนครัวในบ้านมากขึ้น เช่น แปลงเล็กในสวนหลังบ้าน ช้างบ้าน หรือใส่กระถางปลูกพริก ข่า ตระไคร้ กะเพรา โหระพา สะระแหน่ มะเขือเทศไว้ 5-6 กระถางก็พอกินได้แล้วสำหรับครอบครัวเล็กๆ จะทำให้เข้าถึงการกินผักได้ง่ายขึ้น

คำแนะนำของกองโภชนาการแนะนำให้เด็กกินผัก 12 ช้อนต่อวัน ผู้ใหญ่ควรจะกิน 24 ช้อนต่อวัน แต่ผู้ใหญ่ไทยกินเพียง 2 ช้อนครึ่ง ส่วนเด็กๆ ไม่ถึง 1 ช้อน แล้วจะได้ไฟเบอร์จะได้สารต้านอนุมูลอิสระ สารอาหารที่ไหน จึงเป็นห่วงเด็กไทยยุคนี้ถ้าโตขึ้น โอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งสูง

เริ่มตั้งแต่เด็กๆ

 อ.สง่า ดามาพงษ์ อุปนายกสมาคมโภชนาการแห่งประเทศไทย กล่าวถึง “มหัศจรรย์แห่งพลังผักผลไม้” ว่า องค์การอนามัยโลกและยูนิเซฟ กำลังรณรงค์การกินผักผลไม้ให้เป็นวาระของโลก เพราะไม่เพียงแค่คนไทยเท่านั้น การกินผักผลไม้ของคนทั่วโลกมีอัตราลดลงอย่างมากโดยเฉพาะคนไทยลดลงอย่างน่าใจหาย

ที่สำคัญ ครอบครัวควรปลูกฝังเรื่องการบริโภคผักผลไม้ให้เด็กๆ รวมทั้งในโรงเรียนครูควรสอนเรื่องประโยชน์ในการบริโภคผักและผลไม้ หรือส่งเสริมให้มีการทำสวนครัวในโรงเรียนและทำตัวให้เป็นแบบอย่างกับเด็ก จัดให้มีผักและผลไม้ในมื้อกลางวันที่โรงเรียน ชี้ให้เด็กเห็นถึงคุณค่าการรับประทานผักผลไม้

“พ่อ-แม่ ต้องหัดลูก ค่อยๆ สอนอย่างเข้าใจ เช่น ถ้าหนูกินผักบุ้งเยอะๆ หนูจะตาสวย ถ้ากินมะละกอมากๆ ผิวหนูจะขาว กินมะเขือเทศเยอะๆ แก้มหนูจะแดง ถ้ากินผักเยอะๆ ลูกจะสูงหล่อเหมือนนายแบบนะ และหัดให้ทุกมื้อบนโต๊ะอาหารมีผักและผลไม้ไว้เสมอ ลูกจะได้เคยชิน หรือกินผลไม้ 7 วัน 7 สี เช่น วันอาทิตย์สีแดงผลไม้คือเชอรี่-แตงโม วันจันทร์สีเหลืองคือแคนตาลูป อังคารสีชมพูเป็นแอปเปิล วันพุธสีเขียวเป็นฝรั่ง พฤหัสสีส้มเป็นส้ม-มะละกอ”

มหัศจรรย์พลังผักและผลไม้

 1.การกินผักผลไม้เป็นประจำเป็นการสร้างภูมิต้านทาน ทำให้เจ็บป่วยน้อยกว่าคนไม่กินผักผลไม้เลย หรือเมื่อเจ็บป่วยร่างกายจะมีการฟื้นฟูหรือปรับสภาพได้เร็วกว่าคนไม่กินผัก ซึ่งเป็นงานวิจัยขององค์การอนามัยโลกที่ชี้ชัด ผักผลไม้มีวิตามินแร่ธาตุไปสร้างภูมิคุ้มกันโรค

2.ในผักผลไม้มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดมะเร็ง มะเร็งเกิดจากเซลล์ของร่างกายผิดปกติ พักผ่อนไม่พอ ไม่กินผัก อารมณ์หงุดหงิด กินอาหารมันเกินไป ไม่เล่นกีฬา ไม่ออกกำลังกาย อนุมูลอิสระเกิดขึ้น ทำให้เซลล์ตายกลายเป็นเซลล์มะเร็ง นั่นคือผักและผลไม้จะมีวิตามินซีและเบตาแคโรทีน วิตามินซีกินเข้าไปแล้วก็จะต้านการเกิดอนุมูลอิสระ คนที่กินผักเป็นประจำจึงมีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งบางชนิดน้อยกว่าคนไม่กินผักและผลไม้

3.ในผักและผลไม้มีไฟเบอร์เสริมสร้างใยอาหาร มะเขือเทศสีส้ม ไม่ใช่เพียงเฉพาะมีเบตาแคโรทีนเท่านั้น แต่มีใยอาหารหรือไฟเบอร์ ไฟเบอร์ชนิดที่ละลายในน้ำมหัศจรรย์มาก กินเข้าไปปุ๊บวิตามินซี วิตามินเอ เบตาแคโรทีน แคลเซียม จะดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย และร่างกายนำไปใช้ให้กระดูกแข็งแรงขึ้นช่วยป้องกันโรค

เริ่มจากเมนูง่ายๆ ให้เด็กมีส่วนร่วม

อ.สง่า ยังแนะนำให้กินผักให้ได้หลากหลายชนิดในแต่ละวัน ควรกินผักให้หลากหลาย ไม่ควรกินชนิดใดชนิดหนึ่งซ้ำซากจำเจ และการกินผักที่ดีควรหันมากินผักพื้นบ้านไทย เช่น ยอดกระถิน ยอดแค ชะอม ดอกขจร ดอกโสน

ส่วนคุณพ่อคุณแม่ หัดให้ลูกเริ่มกินผักแต่เด็กด้วยเมนูง่ายๆ เช่น ไข่เจียวดอกไม้ เอาดอกโสนตีเข้าไปกับไข่เจียว เอาดอกขจรตีเข้าไปกับไข่เจียวให้ลูกตีเอง หรือไข่ตุ๋นไตรรงค์ ใส่ผักหลากสี เช่น แครอต ฟักทอง ถั่วฝักยาว อันนี้เป็นกุศโลบายที่เราจะนำไปใช้เป็นเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย โดยให้ลูกมีส่วนในการปรุง ช่วยหั่นผัก เริ่มตอกไข่ ตีไข่ เด็กๆ จะรู้สึกสนุกและมีส่วนร่วม เริ่มจะเห็นแล้วหรือยังว่าพลังผักที่มาสานใยรักกับครอบครัวเริ่มต้นที่ในครัว

 ผัก 5 สี ประกอบด้วยสีเขียว คะน้า ผักบุ้ง กวางตุ้ง โหระพา กะเพรา แมงลัก สาระแหน่, สีเหลือง ฟักทอง, สีแดง มะเขือเทศ แครอต, สีม่วง กะหล่ำสีม่วง และสีขาว มะเขือขาวเปราะ ผักกาดขาว ดอกแค

นอกจากนี้ ยังแนะนำเมนูง่ายๆ เพื่อให้รับประทานได้หลากหลายก็เป็นเมนูประเภทสลัดผัก เช่น เผือก มันฝรั่ง มะเขือเทศ ผักกาด บรอกโคลี พริกหวาน ใช้น้ำสลัดที่ให้แคลอรีต่ำ หรือจะใช้เป็นน้ำมันมะกอก ใส่เกลือและพริกไทยดำลงไปนิดก็อร่อยแล้ว หรือจะเปลี่ยนเป็นผลไม้ก็ได้ ชมพู่ ฝรั่ง มันแกว แอปเปิล สับปะรด หรือผักที่ชอบอะไรก็ใส่เพิ่มเข้าไป ความสนุกในการรับประทานก็คือการได้กินผักชิ้นเล็กที่หลากหลายรสชาติ รับประทานกับสลัดน้ำใส หากชอบเห็ดก็เป็นรวมมิตรเห็ดหูหนู เห็ดหิมะ เห็ดหอมสด เห็ดเข็มทอง เห็นนางฟ้า เห็ดฟาง ยำ โดยใส่น้ำยำเป็นน้ำพริกเผา บีบมะนาว น้ำปลา ใส่กะทิ นิดหน่อยหรือรวมมิตรเห็ดผักน้ำมันหอยก็อร่อยได้ง่ายๆ

เห็นคุณค่าของผักผลไม้แล้ว มื้อต่อไปอย่าลืมสนุกสนานกับการกินผักผลไม้นะคะ



หน้าที่ :: 52   53   54   55   56   57   58   59   60   61   62  


Copyright © 2012 Neric-Club.Com All Rights Reserved