Neric-Club.Com
  สารบัญเว็บไซต์
  ทรัพยากรคลับ
  พิพิธภัณฑ์หุ่นกระดาษ
  เปิดประตูสู่อาเซียน@
  พันธกิจขยายผล
  ชุมชนคนสร้างสื่อ
  คลีนิคสุขภาพ
  บริหารจิต
  ห้องข่าว
  ตลาดวิชา
   นิตยสารออนไลน์
  วรรณกรรมเพื่อเยาวชน
  ลมหายใจของใบไม้
  เรื่องสั้นปันเหงา
  อังกฤษท่องเที่ยว
  อนุรักษ์ไทย
  ศิลปวัฒนธรรมไทย
  ต้นไม้ใบหญ้า
  สายลม แสงแดด
  เตือนภัย
  ห้องทดลอง
  วิถีไทยออนไลน์
   มุมเบ็ดเตล็ด
  เพลงหวานวันวาน
  คอมพิวเตอร์
  ความงาม
  รักคนรักโลก
  วิถีพอเพียง
  สัตว์เลี้ยง
  ถนนดนตรี
  ตามใจไปค้นฝัน
  วิถีไทยออนไลน์
"ในยุคสมัยแห่งโลกแฟนตาซี ปลาใหญ่ไม่ทันกินปลาเล็ก ปลาเร็วไม่ทันกินปลาช้า ปลาตะกละฮุบเหยื่อโผงโผง โง่ยังเป็นเหยื่อคนฉลาด อ่อนแอเป็นเหยื่อคนเข้มแข็ง คนวิถึใหม่ต้องฉลาด เข้มแข็ง เสียงดัง มีเงินเป็นอาวุธ
ดูผลโหวด
 
 

'องค์ความรู้ในโลกนี้มีมากมาย
เหมือนใบไม้ในป่าใหญ่
มนุษย์เราเรียนรู้ได้
แค่ใบไม้หนึ่งกำมือของตนเอง
ผู้ใดเผยแผ่ความรู้
อันเป็นวิทยาทานแก่ผู้อื่น
นั่นคือกุศลอันใหญ่ยิ่ง'
 
องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า












           




             ซ่อมได้ 


สถิติผู้เยี่ยมชมเวปไซต์
14021000  

กระดานแสดงความคิดเห็น
สมัครสมาชิกเพื่อใช้งานเว็บบอร์ด คลิกที่นี่ /  เข้าสู่ระบบ    

ADMIN

ตั้งกระทู้เมื่อ
04 ส.ค. 2556
  รักถิ่น รักไทย ภูมิใจ ภูมิปัญญา

 
   วันที่ 4 สิงหาคม  ชาวบ้านหมู่ 5 บ้านเนินแก้ว ต.อ่าวน้อย  อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์  กว่า 100  คน  พร้อมด้วยนายวุฒิ สายสกล ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล ( อบต.)หมู่ 5 ได้รวมตัวกันที่บริเวณถนนภายในหมู่บ้าน สายสี่แยกเพชรเกษม – ชุมชนมะละกอ  โดยนำต้นกล้วย ต้นมะพร้าว ต้นมะละกอ ต้นสับปะรด มาปลูกบนผิวการจราจรบนถนนสายดังกล่าวที่มีสภาพเป็นหลุมลึกตลอดเส้นทาง ตั้งแต่บ้านเนินแก้วถึงบ้านหนองเสือเป็นระยะทางยาวกว่า  7 กิโลเมตร  หลังจากได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาผิวจราจรชำรุดมานานหลายสิบปีแต่ไม่มีหน่วยงานใดเข้ามารับผิดชอบ สำหรับพื้นที่ดังกล่าวห่างจากศาลากลางจังหวัดเพียง 15 กิโลเมตร
   นายวุฒิ สายสกล ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 กล่าวว่า ต้องการให้องค์การบริหารส่วนจังหวัด ( อบจ.) ซึ่งรับผิดชอบปรับปรุงผิวการจราจร ที่ชำรุดเป็นหลุมลึกตลอดเส้นทาง เนื่องจากที่ผ่านมาชาวบ้านเดือดร้อนจากการใช้ถนนมานาน ทั้งชาวบ้านที่เป็นเกษตรกรขนส่งพืชไร่ และในช่วงฤดูฝนนักเรียนที่จะเดินทางไปสถานศึกษาในตัวเมืองก็มีปัญหาเป็นอย่างมาก จากเครื่องแต่งกายชุดนักเรียนเปื้อนดินโคลน นอกจากนั้นยังมีชาวบ้านที่ใช้เส้นทางประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตแล้ว 2 ราย  สำหรับมติชาวบ้านยืนยันว่าจะไม่ถอนต้นไม้ออกจนกว่าจะมีความชัดเจนว่าจะมีการซ่อมถนนนายจาตุรงค์ เขียวหวาน สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด ( ส.อบจ.) ประจวบคีรีขันธ์ เขตอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ถนนสายนี้ อบจ.ได้รับการถ่ายโอนภารกิจจากสำนักงานทางหลวงชนบท  และการซ่อมถนนอยู่ในแผนของ อบจ.แต่งบประมาณมีจำกัด ซึ่งได้แจ้งให้ฝ่ายบริหารรับทราบปัญหาเพื่อดำเนินการในช่วงที่ถนนชำรุด และที่ผ่านมาได้ใช้งบซ่อมแล้ว 1 ล้านบาท ระยะทาง 600 เมตร และ ล่าสุดได้งบเพิ่มอีก 2 ล้านบาท จะดำเนินการได้ในเร็วๆนี้ ทั้งนี้ยอมรับว่างบประมาณมจำกัดต้องทะยอยปรับปรุงเป็นช่วงๆและ อบต.อ่าวน้อยก็สามารถสนับสนุนงบประมาณเพื่อดำเนินการซ่อมได้เช่นกัน 


Krootanoi

ตอบกระทู้เมื่อ
04 ส.ค. 2556
  ความคิดเห็นที่ 1
ตามรมณ์
 
รองโฆษก ทบ. วอนหยุดโยงกองทัพเอี่ยวการเมือง เตือนอย่าเชื่อข่าวลือ
 
เมื่อวันที่ 4 ส.ค. พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า จากกรณีที่มีข่าวลือต่างๆในขณะนี้ ทำให้ประชาชนมีความอ่อนไหวต่อการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร โดยเฉพาะทางโซเชี่ยล ที่ปัจจุบันค่อนข้างสร้างความสับสนให้สังคม เพราะบางครั้งเป็นเพียงการสร้างจินตนาการส่วนบุคคลด้วยการผูกสร้างเรื่องและนำไปเผยแพร่ เพื่อต้องการจุดกระแสชี้นำสังคม ซึ่งเห็นบ่อยครั้งว่าในเนื้อหาไม่มีข้อมูลข้อเท็จจริงที่เพียงพอ โดยเฉพาะเรื่องความพยายามนำกองทัพบกเข้าไปเกี่ยวข้องในลักษณะต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องทางการเมือง กองทัพบกยืนยันว่า ในช่วงนี้มีภารกิจสำคัญเร่งด่วนอีกมาก เช่น งานช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย งานการจัดงานกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติฯ งานถวายความปลอดภัย ซึ่งเป็นความเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการ จึงขอความกรุณาว่าเรื่องต่างๆที่ไม่เกี่ยวข้องกับภารกิจของกองทัพบกนั้น ขออย่าได้นำกองทัพเข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือนำไปจินตนาการสร้างเรื่องเป็นประเด็นให้สังคมสับสน และขอให้สังคมใช้วิจารณญาณในการบริโภคข่าวสารด้วย


KTC

ตอบกระทู้เมื่อ
04 ส.ค. 2556
  ความคิดเห็นที่ 2
จาตุรนต์ เหน็บ ปชป.หมดทางสู้ หันเล่นเกมนอกสภาล้มรัฐบาล
 
"จาตุรนต์"จัดหนัก ปชป.ปลุกม็อบ หวังเรียกทหารปฏิวัติล้มรัฐ ชี้ ขัด รธน.ม.68  ดักคอ เกิดความรุนแรงครั้งใหญ่ในประเทศแน่ เหน็บ ปชป.หมดทางสู้ หันเล่นเกมนอกสภาล้มรัฐบาลวันที่ 4 ส.ค. นายจาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศึกษาธิการ ในฐานะคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการชุมนุมของกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณว่า เป้าหมายชัดเจนว่า ต้องการล้มรัฐบาล โดยย้ำอีกว่า ที่อ้างมาไม่เป็นเหตุเป็นผล กล่าวหากันแบบลอยๆ เช่น ทำเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อ้าง มีการทุจริตคอรัปชัน ที่มักเป็นข้ออ้างในการยึดอำนาจ ทั้งที่มีกลไกตรวจสอบ มีคณะกรรมการที่ตั้งโดยคณะรัฐประหารอยู่แล้ว ส่วนร่าง พ.ร.บ.บริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท และร่าง พ.ร.บ.โครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท หากขัดรัฐธรรมนูญ สามารถร้องศาลรัฐธรรมนูญ ยับยั้งได้อยู่แล้ว ทั้งที่โครงการเหล่านี้ กำลังจะแก้ปัญหาประเทศ ซึ่งฝ่ายตรงข้ามได้เปรียบเกือบทั้งหมด จึงไม่มีเหตุผลใช้ข้ออ้าง มาล้มรัฐบาล นายจาตุรนต์ กล่าวว่า นอกจากนี้ หากดูการเคลื่อนไหวแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ พยายามพูดยุยง ให้เกิดการ เคลื่อนไหวนอกสภาฯ ซึ่งกำลังสำคัญ คือ มวลชนของพรรคประชาธิปัตย์เองล้มรัฐบาล เพื่อให้ได้รัฐบาลใหม่ขึ้นมา โดยกระบวนการ ที่ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ความจริงก็เข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 68สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ ทำอยู่เป็นการดิ้นรนของพรรคการเมือง ที่สู้ไปก็ไม่ชนะ และอดทนที่จะต่อสู้ตามวิถีทางรัฐสภานานๆ ไม่ได้ ข้ออ้างพรรคประชาธิปัตย์ ก็เหมือนกลุ่มที่ต่างๆ ที่เคลื่อนไหวล้มรัฐบาล ไม่เป็นเหตุเป็นผล ถ้าหากดำเนินการตามที่พรรคประชาธิปัตย์ ยุยงต่อไปสิ่งที่จะเกิดขึ้น คือ ความเสียหายต่อประเทศชาติ เพราะว่า จะทำให้นักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ มีความไม่มั่นใจต่อเสถียรภาพทางการเมือง เป็นผลเสียต่อเศรษฐกิจอย่างร้ายแรง >เมื่อถามว่า ดูเหมือนว่า ขณะนี้มีความพยายามปล่อยกระแสข่าวการปฎิวัติ นายจาตุรนต์ กล่าวว่า มีความพยายามในลักษณะนั้นอยู่แล้ว ดูได้จากสิ่งที่พรรคประชาธิปตย์พูด ที่พยายามสร้างเงื่อนไข ให้เกิดการรัฐประหาร หลังสุดมาพูดว่า จะมีการยึดอำนาจโดยประชาชน นอกจากขัดรัฐธรรมนูญแล้ว ยังเป็นความพยายามที่ล้าหลัง สูญเสียแก่ประเทศมหาศาล ถ้ามีการรัฐประหารขึ้นจริง ก็จะเกิดความรุนแรงครั้งใหญ่ในประเทศ และพวกที่รัฐประหารอยู่ไม่ได้อยู่ดี ความเสียหายต่อเศรษฐกิจมหาศาลเป็นล้านล้าน ไม่ใช่แค่แสนล้าน สุดท้ายก็จะพิสูจน์ว่า การรัฐประหารล้มเหลว ประเทศยับเยิน ตรงข้ามกับสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ พูดมาตลอดเชื่อมั่นระบบรัฐสภา แค่นี้ก็เห็นแล้วว่า พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้คำนึงผลประโยชน์ประชาชน คำนึงแต่ผลประโยชน์ตัวเองเท่านั้น เลือกตั้งไม่มีทางสู้ ก็หาอำนาจรัฐด้วยวิธีการอื่น
 
จาตุรนต์จัดหนัก http://www.thairath.co.th/content/pol/361379


ครูทะเล

ตอบกระทู้เมื่อ
04 ส.ค. 2556
  ความคิดเห็นที่ 3

ตำรวจปราบจลาจลทยอยเข้าประจำการในอาคารรัฐสภา

 
 
หนักกว่า 555++++


บ่าวรัฐ

ตอบกระทู้เมื่อ
04 ส.ค. 2556
  ความคิดเห็นที่ 4
ข่าว IT มั่งดีกว่า
 
ส.ส.ปชป.เผยมีคนเตือนไอแพด 4 ที่สภาแจกรัฐบาลสอดแนมได้ ชี้มีอุปกรณ์พิเศษรู้ความเคลื่อนไหว ปรึกษาแกนนำพรรคจ่อคืนสัปดาห์หน้า
       
       วันนี้ (4 ส.ค.) นายสามารถ มะลูลีม ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จัดซื้อคอมพิวเตอร์แบบพกพา หรือไอแพด 4 (iPad 4) แจกให้กับสมาชิกรัฐสภา เพื่อยืมใช้ในการปฏิบัติงานว่า ตนได้รับการกล่าวเตือนจากเพื่อนชาวต่างชาติที่ทำงานด้านธุรกิจการสื่อสารและโทรคมนาคมว่าขอให้ระมัดระวังการใช้เครื่องมือสื่อสารในสื่อโซเชียลออนไลน์ในการรับส่งข้อมูลต่างๆ เป็นการส่วนตัว ของ ส.ส.และ ส.ว. ที่ได้รับการแจกไอแพด 4 ว่า ในประเทศที่เจริญแล้วรัฐบาลจะใช้วิธีสอดแนมบุคคลสำคัญต่างๆ มักจะใช้อุบายเช่นนี้ และยังสามารถติดตามสอดแนม โดยเช็กได้ว่าบุคคลสำคัญต่างๆ ที่ได้รับเครื่องมือสื่อสารที่แจกโดยรัฐบาลอยู่ที่ไหน ส่งข้อความติดต่อสื่อสารถึงตัวอย่างไร
       
       ทั้งนี้ สิ่งเหล่านี้สามารถแฮก (Hack) ได้ โดยการติดอุปกรณ์พิเศษที่จะทำให้รู้ถึงความเคลื่อนไหวของแต่ละบุคคลได้ เพราะในการเซ็นสัญญายืมเครื่อง ส.ส.แต่ละคนต้องใช้หมายเลข 13 หลักของบัตรประชาชนและเลขประจำตัวของสมาชิกรัฐสภา โดยเตือนว่าไม่ควรตกม้าตายเพราะอยากได้ของฟรี ตนจึงได้นำเรื่องนี้ไปหารือกับแกนนำพรรค อาทิ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค นายกรณ์ จาติกวณิช และนายจุติ ไกรฤกษ์ รองหัวหน้าพรรค โดยส่วนใหญ่เห็นว่าจะนำไอแพด 4 ที่ได้รับมาไปคืนให้กับสำนักงานเลขาธิการสภาในสัปดาห์หน้า


k.juy

ตอบกระทู้เมื่อ
04 ส.ค. 2556
  ความคิดเห็นที่ 5
กรณ์แว๊บบบได้เวลาพอดีเลย
 
 
"ผมป่วยเป็นไข้เลือดออกมา ๑๐ วันครับ เพิ่งได้ออกจากโรงพยาบาล นํ้าหนักลดลงไปตํ่ากว่า ๙๐ กิโลเป็นครั้งแรกในรอบ ๓๐ ปี ผมขอขอบคุณทุกกำลังใจนะครับ ตอนนี้ค่อยๆเริ่มกลับมาทำงานได้แล้ว น่าจะทันเปิดสมัยประชุมสภาฯพอดี

ทางโรงพยาบาลบอกว่าโรคนี้กำลังระบาด ระมัดระวังกันด้วยนะครับ ผมเจอเข้าไปรอบสองเลยหนักกว่าปกติ
บ่ายวันนี้กลับมาอยู่ที่เดิมครับ หลังจากฟื้นจากไข้เลือดออกปรากฏว่า 'ไตวายเฉียบพลัน' หมอเลยให้นอนโรงพยาบาลทันที จริงๆไม่ได้รู้สึกป่วย แต่รู้ว่าไม่ปกติเลยเดินเข้ามาให้หมอตรวจ น่าจะเกี่ยวเนื่องกับไข้เลือดออกนั่นแหละครับ คราวนี้คงต้องขอลาพักจนหายขาดจริงๆ
 


หนอนไซเบอร์

ตอบกระทู้เมื่อ
04 ส.ค. 2556
  ความคิดเห็นที่ 6
กองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ ออกแถลงการณ์ 4 ข้อ ลั่นระฆังต่อสู้โค่นล้มระบอบทักษิณ คัดค้านนิรโทษกรรม-กฎหมายล้างผิด ชุมนุมโดยสงบ และเชิญชวนเข้าร่วมการชุมนุม
      
       วันนี้ (4 ส.ค.) เมื่อเวลา 18.00 น. กองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ ออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 1 เรื่อง “ลั่นระฆังรบ โค่นระบอบทักษิณ” โดยระบุว่ากว่า 12 ปีที่คนไทยอยู่ภายใต้ระบอบทักษิณ แบบแสวงหาผลประโยชน์เข้าพวกพ้องตัวเอง และพยายามกินรวบประเทศไทย จนเกิดการคอร์รัปชั่นมากมาย มีการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมและสถาบันพระมหากษัตริย์ จนในปัจจุบันรัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยังมีความพยามที่ล้างผิดให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พี่ชายตัวเองอย่างชัดเจน
      
       นอกจากนี้ ยังมีการบริหารประเทศแบบทุจริต คอร์รัปชั่นในหลายกรณี เช่น โครงการรับจำนำข้าว จนส่งผลเสียหายไปทั่วประเทศ พฤติกรรมของระบอบทักษิณถือเป็นมะเร็งร้ายในสังคม พวกเราในฐานะกองทัพประชาชน โค่นระบอบทักษิณ ไม่อาจนิ่งดูดายต่อไปได้ เพราะฉะนั้น เราขอออกแถลงการณ์ 4 ข้อคือ
1. เราขอลั่นระฆังต่อสู้ตามระบอบประชาธิปไตย เพื่อโค่นล้มระบอบทักษิณ ให้หมดสิ้นไปจากประเทศไทย
2. เราขอคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมและกฎหมายฉบับอื่นๆที่จะนำมาสู่การล้างความผิดให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ
3. เราจะชุมนุมโดยสงบสันติ อหิงสา ปราศจากอาวุธ ตามวิถีของประชาธิปไตย และ 4. เราขอเชิญชวนประชาชนทุกหมู่เหล่า ทหาร ตำรวจ ทั้งในและนอกราชการ พี่น้องประชาชนที่รักชาติ ประชาธิปไตย และเทิดทูนไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ ให้เข้าร่วมการชุมนุมเพื่อปฎิรูปประเทศไทย
 
http://www.manager.co.th


ผึ้งน้อย

ตอบกระทู้เมื่อ
05 ส.ค. 2556
  ความคิดเห็นที่ 7
ปลูกผลไม้รวมไว้ดองกันดีกว่า 555555555++++++
 
วันนี้มีแกงโฮ๊ะมาขึ้นโต๊ะให้โซ๊ย
 
"สนธิ" เชียร์ปชป.ลาออกจากส.ส.ทั้งหมด แล้วมานำมวลชนต้านพ.ร.บ.นิรโทษฯทันที ไม่ต้องรอผ่านวาระ 3 ลั่นพร้อมสนับสนุนเต็มที่ ทั้งให้คำปรึกษาการทำม็อบ ถ่ายทอดสดทางเอเอสทีวี ส่งคนไปช่วยหากถูกล้อม มั่นใจปชป.มีศักยภาพสูงชนะแน่นอน เตือนอย่าตัดสินใจนานเดี๋ยวโอกาสหลุดลอยไป
            
      
       เมื่อวันที่ 2 ส.ค. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวในรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ช่วงหนึ่งว่า จะหาว่าตนไม่รู้จักประชาธิปัตย์ดี ตนกับพรรคประชาธิปัตย์ลึกซึ้งกันมาก นายชวน หลีกภัย สนิทกับ คุณป๋าสุทธิ์ ช่องดารากุล พ่อภรรยาของตน คุณป๋าเป็นทนายความใหญ่อยู่ จ.ตรัง เป็นคนสนับสนุน นายชวน ให้เล่นการเมือง นายชวนกับภรรยาตน รู้จักกันดี น้องชายนายชวน ตอนที่ไปเรียนเมืองนอกก็เคยมาพักด้วยกัน ตนกับนายบัญญัติ บรรทัดฐาน ก็เหมือนญาติกัน พ่อเขากับพ่อตนเป็นเพื่อนสนิทกัน รู้จักกันดีมาก สมัยที่ตนกลับมาจากอเมริกาใหม่ๆ ตนก็เป็นผู้จัดการฝ่ายหาเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ที่กรุงเทพมหานคร ตนรู้จักกับคนเก่าแก่ของพรรคหมด แล้ว ม.ร.ว. เสนีย์ ปราโมช ก็เป็นประธานงานแต่งงานของตนด้วย ถามว่าตนไม่รู้จักพรรคประชาธิปัตย์หรือ ตนรู้จักถึงขี้ถึงไส้ รู้จักมาก่อนพวกสาวกหลายคนที่มาเที่ยวด่าตนอย่างทุกวันนี้ ตนรู้ดีว่าดีเอ็นเอของพรรคประชาธิปัตย์เป็นอย่างไร ไม่เคยเปลี่ยน
      
       ถามต่อว่าอะไรทำให้มันผันแปรมาเป็นแบบนี้ ก็เพราะว่า เมื่อประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาล คิดว่าบ้านเมืองจะดีขึ้น อุตส่าห์เตือนเขาหลายเรื่อง แต่เขาก็พริ้วไปเรื่อย จนกระทั่งเขาพริ้วไม่ออกในกรณีของ นายวีระ สมความคิด และ MOU 2543 ที่ตนรับเขาไม่ได้คือไปทำให้คนอย่าง นายวีระ และ น.ส.ราตรี ต้องติดคุก ทั้งที่ยืนอยู่ในแผ่นดินไทย หรือสมมติจะยืนอยู่บนแผ่นดินเขมรก็ต้องสู้ให้คนไทย แล้วที่เจ็บปวดหัวใจที่สุดคือปล่อยให้จับ แต่ไปวิ่งเต้นให้ปล่อย นายพนิช ออกมา มันเห็นชัดเจนเลย
      
       และเหตุการณ์อีกอย่างที่รับไม่ได้เลย คือพี่น้องเราตายไปวันที่ 7 ตุลา ปรากฏว่าวันที่ ป.ป.ช. ชี้มูลว่า พล.ต.อ.พัชรวาท ผิด โดยอำนาจหน้าที่นายกรัฐมนตรี และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ซึ่งรับมอบอำนาจเป็นตัวแทนนายกฯ ใน ก.ตร. ต้องปลด พล.ต.อ.พัชรวาท แต่ไม่ยอมปลด ทั้งที่มีอำนาจ แล้วการเปลี่ยนหัวหน้าพนักงานสอบสวนจาก พล.ต.อ.วุฒิ พัวเวส ที่ยืนยันชัดเจนว่าพันธมิตรฯไม่ผิด มาเป็นพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ขอถามว่าการเมืองสั่งให้เปลี่ยนใช่ไหม ก็เพราะเขาต้องการจับพันธมิตรฯแขวนคอไว้ เพราะคิดว่าตัวเองจะได้กลับมาเป็นรัฐบาลอีกจะได้ไม่มีใครมาขวาง แต่พอแพ้เลือกตั้ง แล้วพันธมิตรฯไม่ยอมออกไปล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ก็หาเรื่องใส่ร้ายมาตลอด จนกระทั่งหาว่าสนธิรับเงินทักษิณ
      
       แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวถึงกรณี นายสุเทพ ประกาศพร้อมนำมวลชนต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษฯ หากผ่านวาระ 3 ว่า ตนอยากให้นายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ ทุกคนในพรรคประชาธิปัตย์ ลาออกจาก ส.ส. ทั้งหมด และมาร่วมกับประชาชน แล้วนั่นคือการเปลี่ยนแปลงประเทศที่แท้จริง อย่างที่บอกตนรู้จักพรรคประชาธิปัตย์ดี ว่าไม่เคยเปลี่ยน ใช้ชุดภาษาเดิมๆว่ายังไงก็ดีกว่าเพื่อไทย แต่ดูนายทักษิณ กับ นายสุเทพ ไม่ต่างกันเลย ทั้งนิสัยใจคอ ลักษณะการพูดจา จุดยืน นายทักษิณบอกว่าเสียงปืนแตกจะนำหน้าพี่น้องประชาชนเอง แล้วพอตัวเองเป็นรัฐบาลบอกพี่น้องส่งตัวเองถึงฝั่งแล้วไม่ต้องตามมาแล้ว ส่วนนายสุเทพ บอกว่าพร้อมลงมาสู้กับพี่น้องต้านพ.ร.บ.นิรโทษฯ เป่านกหวีดสู้เลย ผ่านไป 3 วัน บอกว่าเดี๋ยวผ่านวาระ 3 ก่อน ทั้งที่รู้ว่าอย่างไรก็แพ้ 3 วาระ แล้วจะสู้ไปทำไม ต้องหาวิธีสู้ใหม่ ซึ่งมี 2 ทาง คือนิ่งเฉยไปเลย หรือว่าลาออกจาก ส.ส. แล้วมาสู้กับภาคประชาชน ขอเปรียบกับไดโนเสาร์ ที่ต้องสูญพันธุ์ก็เพราะว่ามันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองตามกาลเวลาได้ ประชาธิปัตย์กำลังจะเป็นไดโนเสาร์
      
       นายสนธิ กล่าวอีกว่า จนวันนี้ยังไม่เห็นนายสุเทพ หรือพรรคประชาธิปัตย์พูดเลยว่า ที่ชวนประชาชนออกมาโค่นพรรคเพื่อไทย วัตถุประสงค์มันอยู่ที่ไหน เพื่ออะไร ถ้าบอกว่าเพื่อที่จะปฏิรูปทางการเมือง พวกคุณต้องลาออกทั้งหมดแล้วมาเคลื่อนไหวทั้งประเทศเพื่อเปลี่ยนการเมือง ถ้าไม่ทำแสดงว่าวัตถุประสงค์ที่พยายามยุยงส่งเสริมให้พันธมิตรฯออกมาก็เพียงแต่ต้องการสลับขั้วเท่านั้น
      
       แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวต่อว่า ประชาธิปัตย์มีตั้ง 12 ล้านเสียง จะกลัวอะไร ไม่ต้องแอบอีกต่อไป ออกมาเป็นแนวหน้าเลย และพันธมิตรฯจะอยู่ข้างเวทีแล้วให้กำลังใจเต็มที่ เชียร์สุดฤทธิ์สุดเดชเลยรับรอง จะเชื่อมสัญณาณถ่ายทอดสดทางเอเอสทีวีด้วย อีกทั้งคนของประชาธิปัตย์หลายคนมีศักยภาพสูง อย่าประมาทเลย ไม่ว่าจะเป็นนายชวนนท์ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย นายเทพไท ออกมาเลย มีทีวีตั้ง 2 ช่อง บลูสกาย ทีนิวส์ หนังสือพิมพ์ที่เชียร์พรรคประชาธิปัตย์ ก็มีแนวหน้า พิธีกรบนเวทีก็มีเยอะ แล้วถ้า นางกาญจนี วัลยะเสวี นำพวกไฮโซแถวสุขุมวิทออกมานำข้างหน้าเลย มันจะเป็นภาพเดินขบวนที่สง่าผ่าเผยมาก อย่ามาเป็นนักเลงคีย์บอร์ด ตนรับรองว่าชนะ
      
       แล้วมีอะไรพร้อมให้คำปรึกษา ไม่ว่าจะการตั้งโรงอาหาร การดูแลความปลอดภัย การถ่ายทอดสด 24 ชั่วโมง การหลบระเบิด เอ็ม-79 มีวิธีทำส้วมให้ อย่าตัดสินใจนาน เดี๋ยวโอกาสมันจะผ่านไป ไม่ต้องรอถึงวาระ 3 มันนานเกินเพราะอย่างไรก็แพ้ หากโดนล้อม ตนจะสั่งนายอมร อมรรัตนานนท์ ให้พาคนไปช่วยเหมือนคราวที่แล้ว แต่อยากให้ออก
      
       นายสนธิ กล่าวถึงกรณี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ เสด็จกลับวังไกลกังวล ว่า ตนดูแล้วน้ำตาซึม การแปรพระราชฐานครั้งนี้เป็นครั้งแรกในรอบประมาณ 4 ปี เป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่มาก ที่สำคัญคือทั้งสองพระองค์ทรงมีพระวรกายแข็งแรง คือในช่วงประมาณเกือบ 1 ปีที่ผ่านมา มีคนประสงค์ร้ายต่อสถาบันกษัตริย์ พยายามปล่อยข่าวลือตลอดเวลาว่า สมเด็จพระนางเจ้าฯทรงประชวรหนักลุกไม่ได้
      
       แล้วอยากพูดกับพล.อ.ประยุทธ์ ผบ.ทบ. ว่าวิทยุเสื้อแดงของนายโกตี๋ ซึ่งเป็นลูกน้องคนสนิทของ พล.ต.ท.คํารณวิทย์ ธูปกระจ่าง และวิทยุเสื้อแดงอีกหลายสถานีพากันวิพากษ์วิจารณ์ในเชิงหมิ่นพระบรมเดชานุภาพของสมเด็จพระนางเจ้าในเรื่องของการประชวรมานานแล้ว และนายกยิ่งลักษณ์ของพลเอกประยุทธ์ก็ไม่ทำอะไร ตัวพล.อ.ประยุทธ์ เองก็ยังนั่งเฉยๆ
      
       นายสนธิ กล่าวต่อว่า ในการเสด็จพระราชดำเนินของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เขาจะมีหมายบอกชัดเจนเลยว่าให้ใครบ้างมารอส่งเสด็จ ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ไม่ว่าจะเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ซึ่งในอดีตเป็นคนเดินเคียงข้างสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ให้พระองค์ท่านเกาะแขน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เด็กในบ้านที่พระองค์ท่านเลี้ยงดูมาตั้งแต่เป็นนายร้อย ภรรยาก็เป็นนางสนองพระโอษฐ์ ผู้บัญชาการสามเหล่าทัพ และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว คนเหล่านี้ถึงไม่ได้หมาย แต่ว่าด้วยจิตที่จงรักภักดี รู้อยู่แล้วว่า นี่คือการเสด็จแปรพระราชฐานเหมือนกลับบ้าน คุณจะเสียสละเวลาไปยืนร่วมกับชาวบ้านเขาได้ไหม ให้รู้ว่าคุณมาส่งเสด็จด้วยความจงรักภักดี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯทรงเป็นจอมทัพ จอมทัพกำลังจะออกจากโรงพยาบาลกลับบ้าน มีหมายไม่มีหมายก็ควรจะมาด้วยใจ แต่ไม่มีใครโผล่ไปเลย ทำให้ยิ่งมั่นใจว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ซื้อกองทัพได้แล้ว
      
       ที่สำคัญ น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายกรัฐมนตรี ไปอยู่แถวๆแทนซาเนียซึ่งก็ไม่รู้จะไปทำอะไรแถวนั้น แต่นายนิวัฒน์ธํารง บุญทรงไพศาล ซึ่งรักษาการตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในฐานะเป็นตัวแทนรัฐบาลทำไมไม่ยืนหัวแถวส่งเสด็จท่าน แต่ตนก็พอเข้าใจได้ว่า นายนิวัฒน์ธํารง บุญทรงไพศาล นายคนนี้ปีที่แล้ววันเฉลิมพระชนพรรษาเป็นคนออกประกาศห้ามจุดพลุ กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา
      
       นายสนธิ กล่าวต่อถึงกรณีพีทีทีจีซีทำน้ำมันรั่ว ว่า นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีกระทรวงพลังงาน บอกว่าอย่างฟ้องปตท.เลย เพราะใช้เวลานาน คนๆนี้ไม่ทำอะไรนอกจากเลียไข่ทักษิณ ในอดีตทำอสังหาริมทรัพย์ เสี่ยเพ้งเป็นคนแนะนำลิเดียให้ทักษิณ มีอยู่วันหนึ่งทักษิณไปกับเสี่ยเพ้งที่ไหนก็ไม่รู้ ลิเดียขึ้นร้องเพลง ทักษิณบอกเด็กคนนี้น่ารัก เสี่ยเพ้งเขาหาทางแนะนำให้รู้จักเลย เขาเป็นคนที่พ.ต.ท.ทักษิณและคุณหญิงพจมาน ชินวัตร เชื่อใจ ทั้งสองคนไม่ขัดข้องจนได้มานั่งตำแหน่งรมว.พลังงาน ซึ่งเป็นมีผลประโยชน์เต็มตัว เสี่ยเพ้งเป็นคนไม่มีจิตสาธารณะมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว จะไปกังวลทำไมกับเรื่องบ้าๆ บอๆ พวกนี้ เพราะว่าเขาชัดเจนอยู่แล้ว
      
       กรณี ปตท. นี้มันสะท้อนให้ข้อคิดหลายเรื่อง ประการแรก มันภูมิอกภูมิใจในการเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ที่มีธรรมาภิบาลอันดับหนึ่ง วันนี้เห็นได้ชัดแล้วว่าอะไรที่มันอยู่ในสื่อ อะไรที่ได้รางวัล ใครที่ได้ถ้วย อย่าไปเชื่อ สิ่งที่เห็นได้ชัดคือ ปตท. เป็นบริษัทที่ไม่เคยมีธรรมาภิบาลแม้แต่นิดเดียว เวลา ปตท. จะได้ประโยชน์จากรัฐก็บอกว่าตัวเองเป็นรัฐวิสาหกิจ แต่เวลาจะรับประทานกับประชาชนคนไทยก็บอกตัวเองต้องรักษาผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้น
      
       การที่บอกว่าทำน้ำมันรั่วแค่ 5 หมื่นลิตร แต่ทำไมต้องขอสารเคมีที่เอามาบำบัดน้ำมันถึง 3.5 หมื่นลิตร ทั้งที่จริงต้องใช้แค่ 5 พันลิตร เพราะเขามีหลักการคำนวณว่า สารบำบัด 1 ลิตร บำบัดน้ำมันได้ 10 ลิตร แต่นี่ขอ 3.5 หมื่นลิตร แสดงว่น้ำมันต้องรั่วประมาณ 3.5 แสน ลิตรสิ อ้างว่าขอเผื่อไว้ ทำไมไม่เผื่อเป็นแค่ 1 หมื่นลิตร ก็พอ นี่คือการโกหกหน้าด้านๆ
      
       และสิ่งที่ปตท.ทำจะทำความฉิบหายให้แก่ทะเลไทย ต่อไปอีกเป็น 10 ปี เพราะว่าสารที่เอาไปละลายน้ำมัน เป็นสารประเภทเดียวกันกับที่ใช้ที่อ่าวเม็กซิโก ที่บริษัทน้ำมันของอังกฤษ BP British Petroleum เอาไปใช้ นักวิทยาศาสตร์เขาพิสูจน์กันมาแล้วว่าสารตัวนี้มีพิษร้ายแรงกว่าน้ำมันดิบธรรมดาถึง 50 เท่า มันปะการังมันตายแหล่งที่จะผลิตอาหารให้ปลาก็หมดไป หญ้าใต้น้ำตาย ที่กำเนิดของปลาตัวเล็กก็ไม่มี ปตท.ไม่รู้ตัวเองได้สร้างความอำมหิตเอาไว้
      
       ปตท.บอกว่ากำลังประเมินค่าเสียหายที่บริษัทจะชดใช้ให้รัฐว่าน่าจะอยู่ที่ 24 ล้าน - 1.9 พันล้าน ทำไมช่วงมันห่างขนาดนี้ แบบนี้ประเทศไทยฉิบหาย เพราะต้องประเมินว่าชาวประมงที่ต้องมีชีวิตอยู่กับสัตว์น้ำที่อยู่ย่านนั้นทั้งหมดมีกี่เจ้า มีเรือกี่ลำ เจ้าของเรือมีกี่ลำ ลูกเรือที่อยู่ในเรือมีกี่คน ตรงนี้ต้องประเมินออกไปอย่างน้อย 5 ปี กว่าทุกอย่างมันจะเริ่มกลับคืนสู่สภาพธรรมชาติเหมือนเดิม เท่ากับว่า 5 ปี รายได้ของเรือแต่ละลำที่เคยได้ในอดีต ได้มาเท่าไรต้องคูณ 5 เข้าไป แล้วรวมไปถึงธุรกิจท่องเที่ยว พ่อค้าแม่ขายทั้งหลายด้วย นี่ยังไม่นับผลที่สะเทือนต่อเนื่องไปทั้งระยอง เพราะคนมาเที่ยวน้อยลง ปตท.ต้องรับผิดชอบเศรษฐกิจระยองตั้งแต่อำเภอเมือง อำเภอแกลง อำเภอบ้านเพ ไปถึงอ่าวพร้าว ถ้าจำเป็นต้องจ่ายต่อหัวๆละ 5 หมื่น - 1 แสน ก็ต้องจ่าย
      
       http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9560000095639
               
     
 
 
 
 


กิ้วกิ้ว

ตอบกระทู้เมื่อ
05 ส.ค. 2556
  ความคิดเห็นที่ 8
 
 

 



กิ้วกิ้ว

ตอบกระทู้เมื่อ
05 ส.ค. 2556
  ความคิดเห็นที่ 9


ครูทะเล

ตอบกระทู้เมื่อ
05 ส.ค. 2556
  ความคิดเห็นที่ 10
รองโฆษกรัฐบาล แนะ ประชาชนอย่าตื่นข่าวปฏิวัติ ชี้ ไม่ใช่เรื่องง่าย ซัด ปชป.ปากอย่างใจอย่าง ปัด ไม่ได้ล้มรัฐ แต่กลับพยายามล้มกระดาน ปรองดอง
 
 
 วันที่ 5 ส.ค. ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวการปฏิวัติว่าเป็นการปล่อยข่าวของผู้ที่ไม่หวังดีกับประเทศ รัฐบาลขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก เชื่อมั่นในเสถียรภาพรัฐบาล ไม่ใช่เรื่องง่าย ที่จะปฏิวัติสำเร็จ จะถูกต่อต้านอย่างแน่นอน ทำให้ประเทศถอยหลัง ไม่ใช่ทางออกที่ถูกต้องของบ้านเมือง ประชาคมโลกไม่ยอมรับ ขอให้ประชาชนทั่วไป และนักลงทุนในตลาดหุ้นคลายความกังวล เพราะคงไม่มีใครอยากถูกจารึกชื่อในประวัติศาสตร์ว่า เป็นทรราช ส่วนกรณีที่ม็อบต่อต้านรัฐบาล กล่าวปราศรัยบนเวทีว่า จะไม่ใช้ความรุนแรงนั้น ก็เป็นเรื่องที่ดี และหวังว่า จะทำอย่างที่พูด จะไม่ปลุกผีรัฐประหารขึ้นมาอีก รัฐบาลไม่เคยมองว่า เป็นศัตรู แม้ประกาศใช้ พ.ร.บ.มั่นคง แต่ยังแสดงความคิดเห็นทางการเมืองได้ เพียงแต่ขอให้อยู่ในกรอบของกฎหมาย และอย่าใช้ความรุนแรง  ส่วนกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และลูกพรรคประชาธิปัตย์ โจมตี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ไม่จริงใจกับการเชิญทุกฝ่าย ร่วมเจรจาหาทางออกให้ประเทศเพื่อสร้างความปรองดองนั้น รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า ความจริงแล้ว พรรคประชาธิปัตย์ ต่างหากที่ปากอย่างใจอย่าง เพราะปากก็อ้างว่า ไม่ได้เรียกหาการปฏิวัติ ไม่ได้จ้องล้มล้างรัฐบาล แต่สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ ทำ คือ การสร้างเงื่อนไขต่าง ๆ เพื่อล้มกระบวนการปรองดอง ซึ่งอาจทำให้ความขัดแย้งกลายเป็นปัญหาเรื้อรัง และนำไปสู่การรัฐประหาร
 


witjung

ตอบกระทู้เมื่อ
05 ส.ค. 2556
  ความคิดเห็นที่ 11
 
 
"นิพิฏฐ์" ระบุ พ.ร.บ.มั่นคง ไม่ได้ห้ามชุมโดยสงบ ปลุกสาวกสีฟ้าแห่ให้กำลังใจหน้ารัฐสภา ฝากตำรวจนึกถึง "ตราสัญลักษณ์" บนหมวกทำเพื่อใคร หากลืมความหมายก็ควรถอดหมวกลาออก และไปเป็นยาม
      
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(5ส.ค.) เมื่อเวลา 20.40 น. ที่ ลานพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 สวนลุมพินี นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.จังหวัดพัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวปราศรัยบนเวที กองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) ว่า หลังจากได้ขึ้นเวทีปราศรัยนี้ ก็ได้พูดคุยกับแกนนำพรรค แล้วก็มีความคิดว่า ในเร็วๆนี้ เวทีผ่าความจริงของพรรค ที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์ และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์อาจจะมาจัดที่นี่ และขอเรียกร้องให้พี่น้องที่มีเลือดสีฟ้า ของพรรค ประชาธิปัตย์ และมีหัวใจรักประชาธิปไตย เดินทางมาชุมนุมที่นี่
      
       "ผมขอเชิญชวน ให้ผู้กล้าออกมาลองใช้กฎหมายในวันที่ 7 ส.ค. โดยเดินทางไปที่หน้ารัฐสภา มาให้กำลังใจผม หากเข้าไม่ได้ เพราะตำรวจสกัด ก็ให้โทรหาผม เพราะประชาชนสามารถเดินทางไปเข้าฟังการพิจารณากฎหมายในสภาได้ และ พ.ร.บ.มั่นคง ไม่ได้ห้ามชุมโดยสงบ" นายนิพิฏฐ์ กล่าว
      
       พร้อมกันนี้ นายนิพิฏฐ์ ยังฝากไปถึงเข้าหน้าที่ตำรวจว่า ตราสัญลักษณ์ บนหมวกเรียกว่าตราแผ่นดิน ที่รัชกาลที่5พระราชทานให้ เพื่อให้รักษาประชาชน และแผ่นดินไว้ หากลืมความหมายดังกล่าวก็ขอให้ถอดหมวกลาออก และไปเป็นยาม

http://www.manager.co.th/



สปศ.

ตอบกระทู้เมื่อ
05 ส.ค. 2556
  ความคิดเห็นที่ 12

ภูมิปัญญาไทยเป็นเรื่องของการใช้ความรู้  ความคิด  และทักษะการปฏิบัติเป็นการปรับตัวเพื่อความอยู่รอดของตนเองและชุมชน  จึงมีการเปลี่ยนแปลงให้สมดุลกับการพัฒนาทางสังคมอยู่ตลอดเวลา  ซึ่งในแต่ละท้องถิ่นก็มีเอกลักษณ์ของตนเอง  ปัจจัยที่สำคัญที่มีผลต่อการสร้างสรรค์ภูมิปัญญา  พอสรุปได้  ดังนี้

     1.  การสร้างสรรค์ภูมิปัญญาที่เกิดจากการดำรงชีวิต
          คนไทยในภูมิภาคต่าง ๆ มีวิถีการดำรงชีวิต  ขนบธรรมเนียมประเพณีที่แตกต่างกัน  แต่ก็ล้วนมีความผูกพันและพึ่งพาอาศัยธรรมชาติ  เรียนรู้จากธรรมาชาติ  ทำให้มีความรู้เกี่ยวกับการทำมาหากิน  และการดำเนินชีวิตที่สอดคล้องกับธรรมชาติ
          ปัญหาด้านต่าง ๆ ทำให้ผู้คนจำเป็นต้องปรับตัว  และสร้างสรรค์ภูมิปัญญาเพื่อความอยู่รอด  และอยู่อย่างมีความสุข  สะดวกสบาย  รวมทั้งเหมาะสมสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ  โดยคิดประดิษฐ์หรือพัฒนาสิ่งแวดล้อมเพื่อนำมาใช้ประโยชน์  เช่น  การนำพืชพรรณธรรมชาติมาปรุงเป็นอาหาร  ทำยารักษาโรค  การนำเส้นใยจากพืช  เช่น  ปอ  ฝ้าย  ป่าน  มาประดิษฐ์เป็นเสื้อผ้า  กระเป๋า  และยังประดิษฐ์เป็นเครื่องใช้ต่าง ๆ ได้แก่  การทำเครื่องมือดักจับสัตว์ป่า  สัตว์น้ำ  เครื่องมือทุ่นแรงในการทำไร่ทำนา  การปลูกพืช  และการหาของป่า  เป็นต้น

     2.  การสร้างสรรค์ภูมิปัญญาที่เกิดจากความเชื่อและศาสนา
          คนไทยมีความเชื่อดั้งเดิมในเรื่องของการนับถือสิ่งศักดิ์สิทธิ์  หรือสิ่งที่อยู่เหนือธรรมชาติ  เช่น  ผีบ้านผีเรือน  ผีฟ้า  เจ้าป่า  เจ้าเขา  เจ้าที่  เจ้าทาง  เทวดา  แม่โพสพ  แม่คงคา  พระภูมิ  ต้นไม้ใหญ่ ๆ  เช่น  ต้นโพธิ์  ต้นไทร  เป็นต้น  ซึ่งเชื่อว่ามีเทวดาหรือนางไม้พักอาศัยอยู่  ถ้าใครไปตัดต้นไม้ใหญ่  หรือทำสกปรกรอบ ๆ บริเวณนั้น  อาจถูกลงโทษถึงแก่ชีวิตได้  นับได้ว่าเป็นการอนุรักษ์ธรรมชาติโดยทางอ้อมอย่างหนึ่ง
          อนึ่ง  คนไทยส่วนใหญ่นับถือพระพุทธศาสนา  จึงนำหลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนาเป็นแนวปฏิบัติในการดำเนินชีวิต  เช่น  การไม่ทำความชั่ว  การทำความดี  และการทำจิตใจให้ผ่องใส
          ภูมิปัญญาที่ได้รับอิทธิพลจากพระพุทธศาสนา  เช่น
          -  การเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังในโบสถ์  ที่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติ  ชาดก  สวรรค์  นรก  เป็นต้น
          -  การสร้างประติมากรรม  เช่น  พระพุทธรูป
          -  การสร้างสถาปัตยกรรม  เช่น  โบสถ์  เจดีย์ตามยุคสมัยต่าง ๆ
          -  การแสดงออกของศิลปิน  เช่น  การแต่งคำประพันธ์  บทเพลง  การแสดงละคร  ลิเก  ลำตัด  ที่นำหลักคำสอนหรือชาดกมาสร้างเป็บบทประพันธ์  โดยสมมุติตัวละครให้แสดงออกทั้งทางด้านผลของกรรมดีและกรรมชั่ว

     3.  การสร้างสรรค์ภูมิปัญญาที่เกิดจากสภาพภูมิศาสตร์และสิ่งแวดล้อม
          ประเทศไทยมีสภาพทางภูมิศาสตร์และสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างกันอย่างหลากหลาย  ทำให้มีการสร้างสรรค์ภูมิปัญญาที่แตกต่างกัน  เช่น
          -  บริเวณภาคกลางของประเทศเป็นที่ราบลุ่ม  มีแม่น้ำลำคลองหลายสาย  บางพื้นที่มีน้ำท่วมในฤดูฝน  ทำให้มีการแก้ปัญหาด้วยการสร้างบ้านเรือนที่ยกพื้นสูงขึ้น  เพื่อป้องกันน้ำท่วม  ส่วนผู้ที่อาศัยอยู่ริมน้ำก็จะสร้างเรือนแพ  หรือต่อเรือไว้เป็นพาหนะในการเดินทาง
          -  บริเวณทางภาคเหนือเป็นเทือกเขา  มีที่ราบระหว่างหุบเขาที่แม่น้ำไหลผ่าน  ทำให้เกิดภูมิปัญญาในการสร้างฝาย  เพื่อกักเก็บน้ำที่ไหลจากที่สูงลงสู่ที่ราบ  มีการปลูกพืชตามไหล่เขาแบบขั้นบันได  ซึ่งทำให้สามารถรักษาหน้าดินที่อุดมสมบูรณ์ไว้ได้ในขณะที่มีฝนตก  นับว่าเป็นการรู้จักใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างฉลาดและคุ้มค่า  เพราะสามารถใช้ที่ดินได้ทุกพื้นที่  ไม่เพียงแต่ที่ราบเท่านั้น

     4.  การสร้างสรรค์ภูมิปัญญาไทยที่เกิดจากอิทธิพลภายนอก
          การที่ประเทศไทยมีสัมพันธไมตรีกับต่างประเทศมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย  จนกระทั่งถึงสมัยรัตนโกสินทร์  ทั้งด้านการเมืองการปกครอง  ด้านเศรษฐกิจ  เช่น  มีการติดต่อค้าขาย  การร่วมลงทุนหรือร่วมส่งเสริมกิจกรรมทางด้านต่าง ๆ ทำให้มีการถ่ายทอดวัฒนธรรม  มีการผสมผสานวัฒนธรรมในรูปแบบต่าง ๆ เรื่อยมาจนกระทั่งในปัจจุบัน  การติดต่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารเป็นไปอย่างรวดเร็ว
          ความรู้ด้านวิชาการ  วัฒนธรรมและรูปแบบของการดำเนินชีวิตจากภูมิภาคต่าง ๆ ของโลก  หลั่งไหลเข้ามาในประเทศไทยอย่างรวดเร็ว  ทำให้มีผลต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่เกิดจากภูมิปัญญาไทยให้เหมาะสมกับยุคสมัย  เช่น
          -  การใช้เครื่องทุ่นแรงมาใช้ในการเกษตร  เช่น  การใช้รถไถแทนการใช้ความไถนา  การใช้เครื่องมือนวดข้าวแทนการนวดด้วยมือ  การใช้เครื่องแยกเมล็ดฝ้ายแทนการแยกด้วยมือ
          -  การนำเครื่องยนต์มาติดตั้งกับพาหนะ  เช่น  การใช้เรือยนต์แทนเรือพาย  การใช้รถสามล้อเครื่องแทนรถสามล้อถีบ
          -  การใช้เครื่องไฟฟ้าเข้ามาประกอบอุปกรณ์เครื่องใช้ต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำงานและการดำเนินชีวิตประจำวัน  ได้แก่  การใช้กระเช้าไฟฟ้ารับส่งคนและของขึ้นลงในที่สูง
          -  การแปรรูปผลิตภัณฑ์  เช่น  ฟ้าทะลายโจรอัดใส่แคปซูลใช้รักษาโรคได้  ยาสระผมว่านห่างจระเข้ผสมดอกอัญชัย  ครีมนวดผมที่ทำจากประดำดีควาย  สบู่สมุนไพร  เครื่องดื่มที่ทำจากสมุนไพร  เป็นต้น

     5.  การสร้างสรรค์ภูมิปัญญาโดยอาศัยประสบการณ์  เช่น
          -  หมั่นศึกษาแสวงหาความรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอ  โดยเรียนรู้ทั้งในระบบและนอกระบบ
          -  ลงมือทดลองความรู้ตามที่เรียนมา  และสอบถามปรึกษาผู้รู้
          -  ลงมือทำงาน  และผลิตผลงานอยู่เสมอ  ปรับปรุงและพัฒนาผลงานให้มีคุณภาพมากขึ้น  อีกทั้งมุ่งทำงานของตนอย่างต่อเนื่อง  จนเกิดประโยชน์แก่ตนเองและสังคม  สามารถถ่ายทอดความรู้ได้
          จึงสังเกตได้ว่า  ภูมิปัญญาที่เกิดขึ้นมานั้น  มักจะมีเหตุปัจจัยมาจากสภาพแวดล้อมทั้งทางธรรมชาติ  และสภาพสังคมความเป็นอยู่ของมนุษย์ในสมัยนั้น ๆ รวมทั้งการติดต่อสื่อสาร  ผสมผสานวัฒนธรรมต่าง ๆ ที่สอดคล้องกับการดำรงชีวิตในยุคสมัยนั้น ๆ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและการแก้ปัญหาชีวิตที่เหมาะสมนั่นเอง



บัวบก

ตอบกระทู้เมื่อ
05 ส.ค. 2556
  ความคิดเห็นที่ 13
ขอเชิญอ่านบทพระราชนิพนธ์  ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว  พระมหากษัตริย์รัชาลที่ 6  แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ 
                     ชาติใด  ไร้รัก  สมัครสมาน
               จะทำการ  สิ่งใด  ก็ไร้ผล
               แม้ชาติ  ย่อยยับ  อับจน
               บุคคล  จะสุข  อยู่อย่างไร
                       ..................
   ฉะนั้นเราคนไทยทุกคนควรรักกัน "เรารักเมืองไทย"
บทความ  “คนรักชาติ”
ประเทศไทย...ดำรงเอกราชความเป็นชาติไทยมานาน
ประเทศไทย...มีศาสนาพุทธ
ประเทศไทย...มีพระมหากษัตริย์
ประเทศไทย...เป็นแผ่นดินที่มีอุดมสมบูรณ์
ประเทศไทย...นับถือเคารพกันแบบญาติพี่น้อง
ประเทศไทย...มีสภาพภูมิอากาศดี  น่าอยู่
ประเทศไทย...มีเพลงชาติไทย เพลงเดียวเท่านั้น
ประเทศไทย...สามัคคี ปรองดอง รักสงบ
ประเทศไทย...มีอัธยาศัยน้ำใจดีงาม สยามเมืองยิ้ม
ประเทศไทย...คนเปลี่ยนไป...
     ถึงอย่างไรเราก็คนไทยด้วยกัน  รักกันไว้สามัคคีกันไว้ดีกว่า  ประเทศไทยมีแค่ประเทศเดียวในโลก  เป็นประเทศเล็ก ๆ  เรามีกันแค่นี้ แค่หกสิบกว่าล้านคน  บรรพบุรุษของไทยแต่โบราณ  ปกบ้านป้องเมืองคุ้มเหย้า  เสียเลือดเสียเนื้อมิใช่เบา  หน้าที่เรารักษาสืบไป  ก็ทะนุบำรุง รักชาติไว้  เราทุกคนคือญาติพี่น้องกัน   อย่ามองเห็นกันและกันเป็นอื่นไกล   เพราะเราทุกคนในวันนี้คือลูกหลานของบรรพบุรุษในอดีต  สังเกตพฤติกรรมคนไทยด้วยกัน  คนไทยนี้รักสงบตรงเพลงชาติไทย อย่าไปเอาอะไรของชาติอื่น พฤติกรรมของคนอื่น  ค่านิยมของคนอื่นมาทำลายความเป็นไทยในตัวของเรา  เราต้องรัก สามัคคี กันไว้ทะเลาะกันทำไม   คิด ๆ สิเราเป็นญาติพี่น้องกันจริง ๆ
      รักชาติ หมายความว่าการเห็นแก่ประโยชน์ของส่วนรวม ของชาติ ไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว ทำงานอะไรก็ทำเพื่อส่วนรวม ไม่ทำเพื่อส่วนตัว ไม่คิดถึงตัวเองเป็นใหญ่ การทำอะไรต่าง ๆ เพื่อหวังสิ่งตอบแทน  ตัวจะได้อะไรจากการกระทำนั้น นั่นคือการกระทำที่มีแต่ความโลภ  มีแต่ความอยากได้ ไม่มีความเสียสละ  ทำงานใดก็เกิดการทุจริตงาน  งานนั้นก็เสียหาย  การคอรัปชั่น คดโกง กินสินบาทคาดสินบน  เกิดขึ้นเพราะอะไร  ก็เพราะคนไม่รักชาติแท้จริง  แต่รักตัวเองมากกว่ารักชาติ  ทำอะไร ๆ  ก็เพื่อตัวเอง ไม่ได้ทำเพื่อชาติ   เพื่อประเทศไทยของเราควรจะเปลี่ยนแนวคิดกันเสียใหม่ว่า  ตัวเรานี้มันเล็กน้อย ชาติไทยใหญ่กว่า เราทำอะไรก็ต้องนึกถึงชาติไทยของเรา  นึกถึงประเทศไทยของเรา  เวลานี้ เราต้องการคนรักชาติ รักประเทศอย่างแท้จริง  เสียสละเพื่อส่วนรวมอย่างแท้จริง  โดยเฉพาะผู้ทำงานในการบริหารประเทศชาติ เช่น ข้าราชการก็ต้องทำงานเพื่องานอย่างแท้จริง  เห็นแก่ส่วนรวม  พึงทำงานนั้นด้วยใจบริสุทธิ์ยุติธรรมสม่ำเสมอ  อย่าทำอะไรด้วยความลำเอียง  เพราะรัก  เพราะชัง  เพราะกลัว  เพราะหลง  อย่าเป็นคนเห็นแก่ตัว  อย่าเอาตำแหน่งหน้าที่ไปหาผลประโยชน์เข้าข้างตัว  อย่าเอาความรู้ความสามารถไปหาผลประโยชน์แต่เฉพาะตัว  พระพุทธเจ้าทรงติไว้ว่า "อัตตัตถะปัญญา  อะสุจีมนุสสา" บุคคลใดใช้สติปัญญา ความสามารถเพื่อประโยชน์ตนฝ่ายเดียว  เป็นคนสกปรก  เป็นคนใช้ไม่ได้  เราอย่าอยู่อย่างคนสกปรก  ให้อยู่อย่างคนสะอาด ปราศจากสิ่งชั่วร้าย จึงจะเป็นการถูกต้องตามหลักเกณฑ์ทางพระพุทธศาสนา  อันนี้เรียกว่า รักชาติ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม  ไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว
     ใครที่รักชาติเพื่อท้องเพื่อกระเป๋าของตัว  ก็เลิกรักชาติแบบนั้นเสีย   เลิกกอบโกย   จงเริ่มเสียสละเพื่อประโยชน์ เพื่อความสุขส่วนรวม  ขอให้มีหลักปรัชญาประจำจิตใจไว้สักหน่อยว่า  คนเราเกิดมามือเปล่า  ตัวเปล่า  ตายไปก็มือเปล่า  ไม่ได้เอาอะไรไป  เราจะโลภโมโทสันอะไรนักหนา
                เมื่อเจ้ามา   มีอะไร  มาด้วยเจ้า   
         เจ้าจะเอา  แต่สุข  สนุกไฉน   
         เจ้ามามือเปล่า   เจ้าจะเอา  อะไรไป   
         เจ้าก็ไป  มือเปล่า  เหมือนเจ้ามา  
เราควรจะเกิดมาเพื่อเสริม  เพื่อเติม  เพื่อแต่ง  ให้ชาติไทยของเราเจริญก้าวหน้าต่อไปดีกว่าที่จะอยู่ด้วยความมักมากอยากได้   จะเป็นประวัติศาสตร์ในทางร้ายไว้ในบ้านเมืองต่อไป  อันนี้คือการพิจารณาตัวเอง ตักเตือนตัวเอง ตนเตือนตน ไม่ได ้ใครจะเตือน   แก้ไขตัวเอง เราก็เอากระจกธรรมะมาส่องดูตัวเราดู  เพื่อให้เห็นว่าเรามีอะไรไม่ดี  ไม่เหมาะไม่ควร  จะได้แก้ไขปรับปรุง กระทำให้มันดีมันงามขึ้น การใช้ธรรมะเป็นหลักปฏิบัติในความเป็นไทย เป็นหน้าที่ของคนไทย คนไทยไม่มีหน้าที่จะเป็นทาสของใคร ๆ  เพราะความเป็นทาส  มันขัดกับหลักของความเป็นไทย  เราเป็นคนไทย  ก็ต้องมีหน้าที่แทนคุณแผ่นดิน  ต้องทำตนให้สมกับที่ได้ชื่อว่าเป็น “คนไทย”   คนไทย รักษาชาติ รักษาแผ่นดิน เป็นปึกแผ่นมั่นคงมาได้ ด้วยสติปัญญาความสามารถ และด้วยคุณความดี อิสรภาพ เสรีภาพ ความร่มเย็นเป็นสุข ตลอดจนความเจริญ ทุกอย่างที่มีอยู่  บัดนี้เราทั้งหลายในปัจจุบัน  ต้องถือเป็นหน้าที่รับผิดชอบอย่างสำคัญ ในอันที่จะรักษาคุณความดี พร้อมทั้งจิตใจที่เป็นไทยไว้ให้มั่นคงตลอดไป 
         บรรพบุรุษ  ของไทย  แต่โบราณ 
         ปกบ้าน  ป้องเมือง  คุ้มเหย้า 
         เสียเลือด  เสียเนื้อ  มิใช่เบา 
         หน้าที่เรา  รักษา  สืบไป
    
 ฉะนั้นเราเป็นคนไทย  เราต้องรักเมืองไทย  รักชาติ  รักศาสนา ...รักพระมหากษัตริย์
                                          
      พี่น้องไทย ... ประเทศไทยกว่าจะเป็นขวานทองในวันนี้  บรรพบุรุษของเราต้องเสียเลือด เสียเนื้อมาเท่าไหร่  เสียแผ่นดินมาเท่าใด  ลองคลิกชมดู
 

http://www.watpakhaochonglom.com



Mayjung

ตอบกระทู้เมื่อ
06 ส.ค. 2556
  ความคิดเห็นที่ 14
เงิบบบบบ  
ทำกันไปด๊ายยย 555++++


กิ้วกิ้ว

ตอบกระทู้เมื่อ
06 ส.ค. 2556
  ความคิดเห็นที่ 15
ขออีกนิดส์นุง
รายงานข่าวสด
 

จุดเตรียม การเมือง รัฐบาล และ คนเสื้อแดง รักแท้ คืนหลอกลวง
ขณะที่ "กองทัพประชาชน โค่นระบอบทักษิณ" ยังหาสถานที่ชุมนุมเหมาะๆ ไม่ลงตัวดีนัก "นปช." ก็เสนอยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนออกมาแล้ว
เป็นยุทธศาสตร์ 1 ปกป้อง "ประชาธิปไตย"
เป็นยุทธศาสตร์ 1 ปกป้องรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คัดค้าน ต่อต้าน กระบวนการรัฐประหารทุกรูปแบบ
น่าสนใจก็ตรงที่คำว่า "ประชาธิปไตย"
จากถ้อยแถลงของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ เป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
"แต่ต้องไม่มีระบอบอำมาตยาธิปไตยมาคั่นกลาง"
ยิ่งหากสัมผัสกับคำปราศรัยยาวเหยียดของ นาย ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ จะยิ่งเข้าใจในกระบวนการอันถือได้ว่าเป็น "ยุทธวิธี" ในการต่อสู้แต่ละขั้นตอน
เขาแบ่งเป็นยกที่ 1 ยกที่ 2 ยกที่ 3
เป็นอันแน่ชัดว่าการปราศรัยของ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็นการปราศรัยในฐานะ "เสื้อแดง" มิใช่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์
เขาจึงบอกอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า
ระฆังยกที่ 1 ดังให้เขาเดินไปก่อน เราไม่ต้องเข้าไปใกล้ หรือสังเกตการณ์
ยกที่ 2 หากสถานการณ์ต้องเคลื่อนไหวใดๆ ขอให้คนเสื้อแดงทุกกลุ่มฟังสัญญาณจากแกนนำส่วนกลาง
ส่วนยกที่ 3 หากถึงสถานการณ์ที่เขาลงมือชัดเจน เช่น องค์กรอิสระลงดาบรัฐบาล หรือมีการลุกขึ้นมาก่อรัฐประหาร ให้ถือปฏิบัติว่า การต่อต้านรัฐประหารเป็นหน้าที่ของเสรีชนที่จะปกป้องระบอบประชาธิปไตย
ที่สำคัญก็คือ ยกที่ 3
หากประเมินจากการวิเคราะห์สถานการณ์ของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ และที่ปรากฏผ่านแถลงการณ์ของนปช.
ก็จะเข้าใจในกระบวนการทาง "ยุทธวิธี"
"ขณะนี้เป็นสถานการณ์ไม่ปกติ สภาพเหมือนก่อนเหตุการณ์วันที่ 19 กันยายน 2549 ขณะนี้ตัวละครเดิมมีเป้าหมายขับไล่ล้มรัฐบาลที่บอกว่าเป็นระบอบทักษิณ"
เป้าหมายเช่นนี้กระทำโดย "ไม่จำกัดวิธีการ""เหมือนที่เคยบอกกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เมื่อปี 2549 เรียกได้ว่า "รักแท้ในคืนหลอกลวง ภาค 2" กำลังจะเกิดขึ้นแล้วจึงต้องมีการตระเตรียม "ความพร้อม"สถานการณ์ของรัฐบาล สถานการณ์ของคนเสื้อแดง จึงสะท้อนให้เห็นถึงการยกระดับยกระดับความพร้อมเหนือกว่าที่รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เคยมีเมื่อปี 2549 เหนือกว่าที่รัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช และ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เคยมีเมื่อปี 2551ที่สำคัญก็คือ มีกำลังของ "คนเสื้อแดง"
 

 
 


สมัครสมาชิกเพื่อใช้งานเว็บบอร์ด คลิกที่นี่ /  เข้าสู่ระบบ


Copyright © 2012 Neric-Club.Com All Rights Reserved