Neric-Club.Com
|
|
|
นิตยสารออนไลน์
|
|
|
มุมเบ็ดเตล็ด
|
|
|
|
|
|
|
สัตว์เลี้ยง |
|
|
การที่จะเลี้ยงสุนัขให้ได้ดีและให้มีความสุข ก่อนอื่นจะต้องทำความเข้าใจในเรื่องธรรมชาติของสุนัขให้มากที่สุดก่อน สิ่งนั้นคือเรื่องของร่างกายสุนัข นั่นเอง สุนัขกับมนุษย์มีความแตกต่างกันในเรื่องสรีรวิทยาเป็นอย่างมาก บางครั้งถ้าเราผู้เป็นเจ้าของเป็นมนุษย์ที่แสนประเสริฐไม่ทำความเข้าใจในเรื่องของความเป็นไปในระบบต่างๆ ของร่างกายสุนัข จะทำให้เกิดผลเสียในการเลี้ยงดูและอยู่ร่วมกันระหว่างท่านและเจ้าสี่ขาตัวโปรด เรามาทำความรู้จักกับร่างกายของสุนัขไปทีละส่วนดีกว่า เริ่มจาก
ตา สุนัขเป็นสัตว์ที่มีสายตายาว นั่นหมายถึงสุนัขมีระยะการมองเห็นที่ไกล และมองภาพในระยะไกลที่เคลื่อนไหวได้ดีกว่าคนเรา ด้วยดวงตาที่มีกระจกตานูนและมุมในการมองเห็นที่กว้าง เนื่องจากตำแหน่งของดวงตาแต่ละข้างที่วางบนกะโหลกซึ่งทำให้สุนัขมองเห็นด้วยตาข้างเดียวในซีกตานั้นด้วยมุมตั้งแต่ 90 — 250 องศา และสามารถมองเห็นด้วยตาสองข้างประสานกันในมุม 80 —110 องศาซึ่งเป็นช่วงแคบ ดวงตาของสุนัขสามารถมองเห็นสีได้แม้ว่าจะไม่ดีเท่ากับมนุษย์เรา สีที่สุนัขมองเห็นจะเป็นสีน้ำตาลอมแดงเป็นส่วนใหญ่และจะเห็นสีในเฉดดำและขาวชัดเจนกว่า
หู สุนัขเป็นสัตว์ที่มีความสามารถในการได้ยินดีกว่ามนุษย์เรามาก โดยจะได้ยินเสียงในช่วงตั้งแต่ 20 เฮิรตซ์จนถึงช่วงที่สูงกว่า 35,000 เฮิรตซ์ และสุนัขสามารถหาตำแหน่งของแหล่งกำเนิดเสียงได้แม่นยำกว่ามนุษย์เพราะสุนัขสามารถสั่งการให้กล้ามเนื้อของหูหันไปยังตำแหน่งที่มันต้องการได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ก็อย่าแปลกใจไปเลยว่าทำไมบางครั้งสุนัขของเราจึงหูดีได้ยินเสียงกระดิ่งหรือแตรรถยนต์ในระยะไกลๆ ทั้งๆ ที่เราไม่ได้ยินแม้แต่นิดเดียว เอาง่ายๆ ว่าถ้าท่านจะได้ยินในระยะที่ชัดเจนประมาณ 15 เมตร แต่สำหรับสุนัขแล้วมันอาจจะได้ยินเสียงที่ดังไกลจากมันถึง 60 เมตรเลยเชียว
จมูก ถือว่าเป็นอวัยวะที่สำคัญของสุนัขที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะสุนัขมีลักษณะของโพรงจมูกที่เป็นหลืบสลับซับซ้อน และภายในมีเซลล์ที่เป็นตัวรับกลิ่นมากกว่า 200 ล้านเซลล์บรรจุอยู่ และด้วยโพรงจมูกที่เปียกชื้นตลอดเวลานี้เอง กลับส่งผลดีทำให้กลิ่นที่ล่องลอยผ่านเข้าไปในจมูกของสุนัขสัมผัสกับความชื้นและถูกดูดซับเข้าไปยังตัวรับและส่งไปยังระบบประสาทแปลผลของการได้ยินอย่างรวดเร็วและแม่นยำ สุนัขจึงเป็นสัตว์ที่ถือว่ามีการสื่อสารกันด้วยสารเคมีจากการดมกลิ่นเป็นสำคัญ จึงไม่แปลกเลยที่สุนัขสามารถดมกลิ่นของคนเดินทางในหิมะได้แม้ว่าจะเดินผ่านไปแล้ว 3 วันก็ตาม
ปาก สุนัขมีปากแตกต่างกันไปตามลักษณะของสายพันธุ์ที่ปรากฏ ไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์ที่มีปากยาว หรือปากสั้น อวัยวะส่วนนี้ของสุนัขก็มีความสำคัญมากเช่นกันเพราะมันจะเปรียบได้เหมือนกับมือของคนเรานั่นเอง สุนัขไม่มีมือที่ใช้จับ ปากจึงต้องทำหน้าที่แทนเสมอ ดังนั้นไม่ว่าจะหยิบเอาอะไรสุนัขก็ต้องคาบมาโดยปากของเค้านั่นเอง
ลิ้น สุนัขเป็นสัตว์ที่ใช้ลิ้นในการกินอาหาร กินน้ำได้ดี เนื่องจากลิ้นของสุนัขมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรง และบนลิ้นเองก็มีตุ่มรับรสคล้ายๆ กับของคนเราเช่นกัน แต่จำนวนและชนิดของตุ่มรับรสของสุนัขจะมีปริมาณและชนิดน้อยกว่าคนเรามาก จึงไม่แปลกเลยที่สุนัขกินอาหารซ้ำๆ กันได้โดยไม่รู้สึกเบื่อ
ฟัน สุนัขเป็นสัตว์ที่มีฟันสองชุดเช่นเดียวกับมนุษย์เรา ฟันน้ำนมมีจำนวน 24 ซี่ จะมีตั้งแต่อายุ 4 สัปดาห์จนถึงประมาณ 24-32 สัปดาห์ และในขณะที่ฟันน้ำนมเริ่มร่วงฟันแท้ก็จะขึ้นมาแทนที่ซึ่งมีจำนวน 42 ซี่ แบ่งเป็นฟันบน 20 ซี่ และฟันล่าง 22 ซี่ จะมีฟันเขี้ยวและฟันกรามที่ใหญ่และแข็งแรงเพื่อเอาไว้กัดและฉีกอาหารที่กินได้อย่างสะดวก
ส่วนของลำตัว ประกอบด้วยส่วนสำคัญ คือ ช่องอก และช่องท้อง ที่มีอวัยวะสำคัญภายในบรรจุอยู่ สุนัขมีความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อหลัง ในขณะเดียวกันมันก็มีความหยุ่นตัวสูงซึ่งทำให้สุนัขเป็นสัตว์อีกชนิดหนึ่งที่สามารถวิ่งได้ว่องไวมากเพราะการยืดและหดตัวของกล้ามเนื้อสันหลังที่ดีนั่นเอง
ขาทั้งสี่ข้าง ขาของสุนัขประกอบไปด้วยกล้ามเนื้อที่ทรงพลัง และกระดูกที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้ สุนัขยังมีฝ่าเท้าที่หนาและนุ่มทำให้มันเดินด้วยเสียงที่เงียบกริบ เล็บเท้าที่แข็งแรงสามารถใช้ขุดพื้นดินได้อย่างสบายเลยทีเดียว
หาง หางของสุนัขเปรียบเสมือนป้ายสัญญาณสื่อสาร เพราะสุนัขสามารถสั่นหางบอกให้มนุษย์เราหรือสุนัขตัวอื่นเข้าใจถึงอารมณ์ความรู้สึกได้ ไม่ว่าจะสั่นเพื่อระวังตัว สั่นโบกแบบเป็นมิตร หรือแม้แต่ม้วนหางด้วยความกลัว หางจึงเป็นอวัยวะที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้เราสามารถสื่อสารกับเจ้าสี่ขาของเราได้ดียิ่งขึ้น
ขน สุนัขทุกตัวมีขน แต่จะมากหรือน้อยขึ้นกับลักษณะทางพันธุกรรมที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากบรรพบุรุษของเค้า ขนมีไว้ปกคลุมเพื่อป้องกันสิ่งระคายเคืองและช่วยทำให้สุนัขอบอุ่น และที่สำคัญสำหรับมนุษย์เราเวลามองสุนัขก็มักจะเลือกและมองกันที่ความสวยงามของขนบนร่างกายสุนัขด้วยเช่นกัน
|
|
|