ปลายฝน..ต้นหนาว
โลกข้างนอกไว โลกข้างในช้า พบวลีเปิดโลก(ส่วนตัว)นี้มาจากคอลัมนิสต์มุมโปรด"นิ้วกลม" ที่ติดตามผลงานมาเสมอ อยากเขียนเรื่องความเหลื่อมล้ำของวิถีชีวิตก้าวกระโดดท่ามกลางโฟกัสหรู"โลกาภิวัฒน์" กับการดำเนินชีวิตสงบเงียบเรียบง่ายอย่างที่เธอเปรียบเทียบจนเหมือนจะได้ยินเสียงสายน้ำรินกลางเมืองอัมพวาแต่หลายวันที่ผ่านมาฉันกลับสงสัยว่าเวลานี้ฉันอยู่มิติไหนระหว่างโลกภายในกับโลกภายนอก เรื่องที่จะบันทึกกำลังกลายพันธุ์เหมือนทุกครั้งที่ตั้งใจจะบันทึกถึงเรื่องหนึ่งแต่กลับเป็นอีกเรื่องราวหนึ่ง...และอย่างรื่นไหล ความคิดของฉันจะพร่างพรูมากเมื่อได้เขียนเรื่องที่ไม่ได้ตั้งใจ "โลกภายนอกไวโลกภายในช้า" กำลังกลายเป็นเรื่องราวของคนที่วิ่งตามเก็บงานที่ไม่แล้วเสร็จไปเสียได้ วันที่งานท่วมตัว นั่นก็ต้องทำนี่ก็ต้องทำ เหมือนฉันต้วมเตี้ยมต้วมเตี้ยมอยู่ในภาวะเร่งรีบ พฤติกรรมการทำงานแบบเข้างานแต่เช้าแล้วเข้านอนเอาตอนดึกถึงดึกมากมาประชิดตัวฉันตั้งแต่เมื่อไหร่กัน พฤติกรรมแบบนี้มันเข้าข่าย Asperger's Syndrome หรือฉันวันนี้ถูกจัดเข้ากลุ่ม autism ด้วยเหมือนกัน (ปฏิเสธโลกภายนอกแล้วขังตัวเองอยู่ในโลกของตัวเอง)จะแปลกอะไรเล่า Bill Gates ยังได้รับการกล่าวขวัญถึงว่า เป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่มีอาการของโรคออทิสติค! ภาวะการตัดสินใจของฉันช้าลง ในขณะที่ภาพลักษณ์ของฉันเติบโต ก็นะ..ฉันแค่หาเรื่องขันมาปลอบใจตัวเอง ..ฉันกำลังกลัวอะไรสักอย่าง ความกลัวที่คืบคลานมาเงียบเงียบเยียบเย็น จากที่เดิมเดิมหลากหลายรสชาติที่เข้าไปคลุกคลีวนเวียน นี่ต่างหากคือความแตกต่างในทุกมิติระหว่างโลกข้างนอกกับโลกข้างใน ฉันเหมือนรู้สึกไปทำเศษขนมปังตกไว้ที่ไหนอีกแล้ว (ทำตกกับโปรยความหมายไม่เหมือนกันสักหน่อย..) เหมือนบางใครส่งเทียบมาเยือน กระตุกจิตสำนึก "หากต้องตายเพียงดายเดียว" ความคิดสารพันของฉันเหมือนถูกจี้ด้วยกระแสไฟฟ้า ฉันอ่อนไหวเกินไปหรือเปล่าหรือแค่พรั่นพรึงกับสิ่งที่สัมผัสไม่ได้ที่รออยู่เบื้องหน้า หรือแค่สัมผัสได้ถึงความดายเดียว ความตายมีอะไรน่ากลัว ? ความตายเป็นสิ่งสวยงาม แต่จะตายอย่างไรให้สวยงาม ฉันต้องคิดอย่างนี้ใช่มั้ย ? ในช่องว่างระหว่างโลกข้างนอกกับโลกข้างใน แล้วมันเกี่ยวอะไรกัน แค่ฉันเอาไว้โยงกับหนังที่น่าสนใจสักเรื่อง Dead Poets Society แค่ฉันจะเอา ครูจอห์น คิตติ้ง และ นีล นูวันดา กับพลังเสรีภาพที่ซ่อนเร้นในทั้งสองคน มาเชื่อมโยงสัมผัสอัจฉริยะในความตัวตนนี่ต่างหาก ฉันจะทำสำเร็จไหมเล่า ? ฉันกำลังฝึกทักษะการใช้พลังชีวิตในอีกหนึ่งมุมมองท่ามกลางความรีบเร่งฉันหยุดตัวเอง ฉันเข้ามุมตัวเองและอย่างเงียบเงียบฉันกำลังทดลองดึงพลังสร้างสรรค์ภายใน ปล่อยพลังชีวิตที่ซ่อนเร้นอยู่ในตัวเอง ฉันจะหยุดโลกข้างนอกผลักดันโลกภายในให้ไปพร้อมๆกัน ฉันจะใช้ธรรมชาติและบทกวีสร้างโลกใหม่ให้ตัวเองและสรรพสิ่งอันเป็นอานันตรกาล ฉันจะทำได้ไหมเล่า หรือความคิดต้องตายเพียงดายเดียว? ในทุกความตายมีอะไรน่ากลัวเสียที่ไหนกัน? วันใดที่เผลอหลุดขั้วจากโลกหนึ่งสู่โลกหนึ่งทั้งที่ขาดภูมิคุ้มกัน นั่นต่างหากมั้ยที่เป็นการตายก่อนตาย ตายก่อนตายต่างหากมั้ยคือความตายที่น่ากลัว ? แต่นิยามตายก่อนตายของฉันกับของเธอเป็นหนึ่งเดียวกันหรือเปล่าเล่า?
วันที่เห็นโค้งรุ้งจรดสองฟากฟ้า พาดผ่านถนนสายที่กำลังบิน วาบความคิดให้ฉันคิดถึงเรื่องราวหวานเฉียบ อยากเขียนเรื่องโรแมนติคอีกสักหนึ่งใจ ก็ภาพอย่างนี้มีให้เห็นบ่อยบ่อยเสียที่ไหนกัน แรงบันดาลใจช่วงโชติตลอดชีวิตของใครอาจไม่ได้สัมผัสโอกาสนี้เลย ฉันควรฉวยโอกาส แต่แปลกดีมันเป็นจังหวะเดียวกับที่ชีวิตกำลังอยู่ระหว่างขาขึ้นกับขาลง ซึ้งใจอยู่.. คนเราก็มีขึ้นมีลงอย่างนี่หมุนเวียน ก็มันเป็นวัฏจักร ฉันสะสมอะไรไว้มากมายในระหว่างวัน เพียงพอให้เป็นภูมิคุ้มกันวันนั้นรู้สึกเหมือนเหาะลอดใต้สะพานแสนสุข เหมือนมีความหวัง มีกำลังใจ อะไรสักอย่างที่บรรยายไม่ถูก คิดนานเลย ตั้งใจไว้ว่าจะเขียนอะไรนะ ลืมเสียแล้ว ฉันลืมอะไรง่ายง่ายอย่างนี้เสมอทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ หรือฉันให้การลืมเป็นกลไกป้องกันตัวเองหรือฉันลืมเพื่อไม่ให้ทำร้ายตัวเอง?
ในรู้สึกเดียวกับคืนหนึ่งที่โล่งแจ้ง ฉันเห็นดาวสุกสว่างร่วงวาบจากฟ้ามืดตกลงเบื้องหน้าชัดเจนวันนั้นฉันอธิษฐานไม่ทัน แสงวาววับจับตาสวยเศร้าๆสะกดฉันนิ่งงันแต่หากมีโอกาสอีกครั้งฉันจะอธิษฐานขอพรอะไร ?ฉันเคยอยากได้อะไรก็ลืมไปเสียแล้ว ฉันลืมไปสนิทเลยว่าสิ่งที่ปรารถนาคืออะไรหรือฉันไม่อยากได้อะไรสักอย่างในชีวิต "สิ่งที่เห็นไม่แน่ว่ามีอยู่จริง สิ่งที่ใช่อาจไม่ใช่ สิ่งที่ไม่ใช่สำหรับบางใคร อาจใช่เลยสำหรับบางคน"เคยไหมวันที่รู้สึกว่าตัวเองขึ้นมาอยู่บนยอดเขาแล้วไม่อยากลงแต่ครั้นจะปล่อยให้ตัวเองทิ้งค้างไว้อย่างนั้นก็ออกจะยาก วิธีไหน ?คลื่นลูกใหม่ไล่โถมให้คลื่นลูกเก่าจมหาย คลื่นซัดรอยทราย.."กฎของการแทนที่" เผลอแว่บเดียว ฉันก็เป็นตลื่นลูกเก่าเสียแล้ว เรื่องบางอย่างที่ไม่เคยตัดสินใจ วันนี้เลี่ยงไม่ได้แล้ว ขอเป็นคนเหนือภูเขาได้ไหม จะสร้างบ้านไม้อยู่บนนั้นเลย ขอเวลาปรับพื้นที่สักหน่อยเถอะ ใครจะมาแอบเลื่อยเสาหรือเปล่า ฉันจะทำหอดูดาว จะเดือดร้อนใครไหม ไม่ได้ปั้นดาวแข่งกับใครสักหน่อยนอกเรื่องไปไกลเริ่มวกวน เป็นอะไรไปอีกแล้ว..เหมือนคนอกหักเลยนิ..เป็นเพราะฉันผิดหวังเล็กๆกับสิ่งที่เฝ้ามองอย่างชื่นชมนั้นไหม ฉันผิดหวังอะไรในวันที่โค้งรุ้งพาดข้ามขอบฟ้า ช่างเถอะ..แล้วมันก็จะผ่านไป..แค่ผัสสะ..แต่ฉันเดินหน้าแล้วอะไรก็หยุดไม่อยู่ ขออภัยหากใครจะรู้สึกระคายเคืองในอารมณ์ ฉันคิดอยู่หลายชั่วคืนเอาไงดีกับในสิ่งที่ต้องตัดสินใจ" อย่าทรยศกับวิชาชีพ" เสียงเขียวๆของบางใครลอยมากระทุ้ง ตัดสินใจได้ก่อนหลับ รุ่งเช้าฉันก็เดินหน้า ช่วงเวลานั้นเหมือนฝ่าคลื่นลมทะเลอีกครั้ง แต่ก็ลุล่วงไปได้แล้ว ก็นะ.. ชีวิตของคนเราต้องมาถึงในจุดนี้กันสักวันทุกคน จะช้าหรือเร็วเท่านั้นเอง ฉันพบวันดีคืนดีในมุมเล็กๆส่วนตัว ฉันหมายถึงใครสักคนที่ฉันมองดูอยู่เงียบเงียบคนนั้นไหม? ใครคนนั้นที่ทำให้ฉันรู้สึกอยากตั้งคำถามตลอดเวลา ใครคนนั้นที่สร้างปริศนามาได้ข้ามวันข้ามคืน เรื่องราวมากมายเกิดขึ้นได้จากความบังเอิญ ฉันจะเชื่อว่าหลายอย่างเกิดขึ้นอย่างบังเอิญ ใครบางคนกำลังล้อเล่นกับความรู้สึกของฉัน ? หรือฉันกำลังล้อเลียนความรู้สึกของใคร?ฉันล้อเล่นกับความรู้สึกของใครหรือเปล่า? เธอต่างหากมั้ยที่กำลังล้อเล่นกับความรู้สึกของฉัน ? หากไม่ใช่ ตอบได้ไหม ตราบฟ้าสิ้นดาว ฉันกำลังจะหมายถึงอะไรได้ในวันที่โค้งรุ้งพุ่งพาดขอบฟ้า
วันคืนที่ภูมิใจกับความรู้สึกว่าตัวเองเป็นมดง่ามตัวจ้อยในสายตาอาละดิน ฉันเหมือนอยู่ในสายตาของใครบางคน ที่พร้อมเสมอที่จะหยิบยื่น วันนี้ที่อยากทำบทเรียนแอนนิเมชั่น อยากต่อยอดเว็บไดนามิค อยู่ๆก็มีหนังสือแจ้งเข้ารับการอบรม Macromedia Flash ฉันจะได้ทำบทเรียนอิเล็กทรอนิกผ่านเว็บไซต์เหมือนฝัน ขับรถผ่านสถาบันเดิม..มองจากภายนอกกำลังพัฒนาสวยสง่างาม เป็นเกียรติภูมิยิ่ง..อยากเข้าไปเดิน ไปนั่ง ไปยืน ที่ที่เคยเป็นถิ่นของตัวเอง ..กลับไปเจอหนังสือแจ้งเปลี่ยนสถานที่อบรมมาที่ที่ฉันกระสันถึง.. โห..ประมาณว่า..ปู่กระสันถึงไก่ไก่ก็มา..สุดยอดมาก..สามวันบนตึกไอทีกับบรรยากาศเก่าๆ แต่สูงกว่าเดิม ต้นไม้ริมสระบัว นนทรีย์ กฐินณรงค์ แนวสักที่เคยเก็บดอกเล็กๆสีขาวร้อยก้านดอกหญ้าคา มงกุฎช่อชัยพฤกษ์ แหวนดอกหญ้า อินทนิลน้ำดอกโตสีม่วงแกมขาวอ่อนหวานเหมือนกล้วยไม้ ที่เคยวิ่งไล่ทัดหูกันหลังเรือนพยาบาล มองเห็นบางใครคอยส่งขึ้นรถที่ป้ายรถเมล์ เห็นบางใครมาตามหาเวลาพักเที่ยง บางคนให้ข่าว"รุ้งเหรอ..ไม่แคนทีนก็หอสมุด" แล้วเธอก็ตามหาฉันจนเจอจริงด้วย เรื่องราวมากมายเกิดขึ้นที่นั่น ทำไมฉันมองเห็นตัวเองชัดเจนนักหรือเพราะทองหลางด่าง..ปาริชาติที่กล่าวกันว่าใครได้กลิน่ก็จะะระลึกชาติ ..ฉันพยายามระลึกชาติ..ใครอีกคนที่ปล่อยให้รอนานนักหนานั้นเล่าอยู่ไหนกัน.. ฉันมองทะลุสำนักหอสมุดที่มีป้าแก่ๆผมขาวโพลนเดินเข็ญรถจัดเก็บหนังสือ ป้าคนที่บอก"ไม่ต้องอายหรอกหนู ป้าหกล้มกลางตลาดป้ายังไม่อายเลย" วันที่ฉันทำหนังสือเล่มใหญ่ร่วงจากชั้นเสียงดังโครมคราม..เข้าใจแล้วค่ะ..หลายวันต่อมาคนสวยทำโก๊ะได้แบบไม่อายออกจะบ่อยไป..เวลานั้นยิมนาสติคมาแรงมาก แต่คงไม่มีใครใช้ท่าร่างได้งดงามเท่าฉัน.. วันที่ถลาร่วงจากฟุตปาทเพราะเหยียบขวดกลมกลิ้งบนพื้น แรงโน้มถ่วงของโลกในระติจูดนั้นเล่นเอาคนสวยหน้าคะมำเลย มองซ้ายมองขวาไม่มีใคร ค่อยยังชั่ว..ใครว่าความลับไม่มีในโลก.. หลังจากวันนั้นฉันเลิกใช้รองเท้าส้นตึก หันมาใช้รองเท้าส้นแหลม! แล้ววันดีคืนดีระหว่างเดินลงบันได ส้นแหลมนั่นก็มีอันแหย่พรวดเข้าชายกระโปรงบานพริ้ว หากคว้าราวบันไดไม่ทันฉันคงบินลงมาสบายๆเลยห้าขั้นรวด ไม่เจ็บ! แต่เกรงใจน้องคนนั้นจัง.. เธอต้องวิ่งเก็บลูกเทนนิสสำรองที่ร่วงจากกระเป๋าแล้วเด้งดึ๋ง..ดึ๋ง..ไปบนพื้นเกือบลงคู.. แล้วยังต้องรีบมาดูฉันที่นั่งพับเพียบแปร้บนพื้น แกะส้นรองเท้าออกจากชายกระโปรงที่พันม้วน "เป็นอะไรมั้ยครับ?" อ๊อยอยากเป็นนินจา..
วันนี้เหมือนเพิ่งผ่านไปไม่นาน กลิ่นความหลังยังกรุ่นอยู่ทุกหนแห่ง.. ที่ต่างไปจากเดิมนอกจากอาคารสถานที่ สภาพแวดล้อมสวยงาม ความสงบเงียบเรียบง่ายหายไป ครูบาอาจารย์เปลี่ยนชุดไปเกือบหมดเหมือนไม้ผลัดใบหลุดร่วง บางท่านที่ยังเดินสวนอยู่ก็พร้อมจะเกษียณตัวเอง อาจารย์บางท่านเหมือนจะแก่กว่าฉันไม่กี่ปี ก็ได้เวลาปลดประจำการแล้ว ฉันคงต้องใช้ประโยคเดิมๆที่เคยฟังมาตลอดชีวิต"เวลาผ่านไปเร็วจัง" บุคลากรคุณภาพกลุ่มนี้มีผลงาน เกียรติประวัติมากมาย สร้างทรัพยากรบุคคลมารุ่นแล้วรุ่นเล่า มาถึงวันหนึ่งก็จะได้เวลาหยุดทุกอย่าง(หรือเปล่า) "ปลายฝน..ต้นหนาว" ผ่านมาอีกครั้ง ฉันเพียงแค่คิดถึงคนวัยเปลี่ยนเส้นทาง ฉันคิดถึงคนวัยเกษียณมากมาย ฉันคิดถึงตัวเองด้วย อีกสิบปี ยี่สิบปีข้างหน้าฉันจะลำบากไหม เมื่อชีวิตการทำงานหยุดลง แต่ชีวิตประจำวันยังคงดำเนินต่อไป อะไรทำให้ฉันคิดถึงพ่อ.. ถ้าพ่อยังอยู่ป่านนี้พ่อจะทำอะไร ในวัยเกษียณของพ่อม่ายรูปหล่อ? ถ้าพ่อยังอยู่ป่านนี้พ่อจะมีผู้จัดการชีวิตแล้วมั้ย? เธอจะดีและเหมาะสมเหมือนที่พวกเราวาดไว้หรือเปล่า? ฉันนึกไม่ออกสุภาพบุรษแสนดีของฉันจะใช้วิชาอะไรเลือก"คู่ชีวิต"? พ่อที่แสนจะคลาสิคของฉันจะเลือกศิลป์และศาสตร์แขนงไหนมาคัดสรรนางแก้ว ที่จะมาดูแลกัน ในบั้นปลายชีวิตของพ่อน่าจะมีชีวิตที่สะดวกสบายมีคุณค่า เป็นดอกผลที่ตรากตรำมาค่อนชีวิต ฉันคิดไปถึงคนอื่นๆในกรณีเดียวกัน คนวัยเกษียณ..ขณะที่วงจรชีวิตของคนเรายืนยาวขึ้นจากพัฒนาการทางการแพทย์ที่ก้าวหน้า ถ้าไม่มีภูมิคุ้มกันอย่างเพียงพอในบั้นปลายของชีวิต คนส่วนหนึ่งจะทำอย่างไร ชีวิตจริงไม่ได้จบลงที่การเกษียณอายุ ทำนองเดียวกับชีวิตจริงไม่เหมือนนิยาย ชีวิตจริงไม่ได้จบลงด้วยการแต่งงานเหมือนนิยาย เช่นเดียวกับการเกษียณอายุราชการ หากนั่นคือการเริ่มต้นในอีกเส้นทางหนึ่งต่างหาก เผลอแว่บเดียวฉันก็มาใช้ชีวิตเยี่ยงคนเกษียณแล้ว ฉันมีเส้นทางหลังเกษียณของผู้ใหญ่หลายๆคนเป็นแบบอย่าง เลือกหยิบความแตกต่างของการดำเนินชีวิตมาเป็นแบบฉยับของตัวเอง ในมุมมองของฉันแล้วฉันคิดว่าช่วงที่เรายังมีเรี่ยวแรง เราก็น่าจะมีโอกาสได้สร้างสร้างกุศล บารมี สร้างมิตรมากกว่าศัตรู เลือกให้อย่างจริงใจ ไม่ใช่ให้เพื่อผลตอบแทนที่สูงกว่า รักษาปณิธานของตัวเองไว้ให้แน่วแน่ไม่ให้เสื่อมตามกาลเวลา ที่สำคัญสร้างภูมิคุ้มกันที่ต่อต้านได้สารพัดโรคสายพันธุ์ต่างๆทั้งจากจุลินทรีย์ ชีวภาพและกายภาพ การดำเนินชีวิตในทุกวันคงไม่ใช่การใช้ชีวิตไปวันๆ วันนี้ได้เวลาฉันต้องรัดกุมกับแปลนชีวิตหลังเกษียณของตัวเอง ชีวิตท่องไปในโลกกว้างของฉันในปลายฝนต้นหนาวเหมือนฝน ฝนหยุดๆตกๆ อย่างนี้มันจะไปถึงปลายฝนมั้ย ? ฝนจะตกรางไปก่อนหรือเปล่า! แต่ไม่ว่าฤดูกาลจะเปลี่ยนไปอย่างไร สุดท้ายของต้นทางก็คือปลายทาง ฤดูฝน จะช้าเร็วก็มีปลายทางที่ปลายฝน ฤดูหนาวมีปลายทางที่ปลายหนาว มนุษย์น้อยมีอำนาจเหนือธรรมชาติเสียที่ไหนกัน
โลกข้างในกับโลกข้างนอกคงทิ้งช่องว่างห่างกันไปทุกขณะจิต
โลกข้างในของฉันวิ่งตามโลกข้างนอกไม่ทันหรือเปล่า
จะหยุดตัวเองไว้ตรงนี้สักนานๆ ก็โลกข้างนอกมันไวงัย แล้วโลกข้างในมันก็ช้าซะ..
ทุกชีวิตยังดำเนินไปตามวัฎรจักร เธอ..คนดีของฉัน..เตรียมพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงทุกฤดูกาลหรือยัง?
|