|
ตอนที่ 10 : ไผ่ลอดกอ
วัยซ่าส์วัยซนของฉัน
วัยนั้นฉันระเริงไปในรั้วนักเรียนหญิงล้วนของโรงเรียนมัธยมขนาดใหญ่ ฉันไม่ใช่คนสวย แต่ฉันใสช่างเล่นช่างคุย สนุกสนานไปในกลุ่ม "เด็กเรียน" มีเพื่อนเฉพาะกลุ่ม
|
พี่รหัสของฉันเป็นเด็กเรียนเหมือนกัน
เธอขมักเขม้นกับโควต้าของมหาวิทยาลัยทางภาคเหนือ
นานนานก็จะมีเครื่องประดับกระจุ๋มกระจิ๋มมาฝาก
ทักทายตามธรรมเนียมมีเรื่องพูดก็พูด ไม่มีเรื่องพูดก็ยิ้มทักเฉยเฉย
ในเวลานั้นฉันกลับมี "พี่ยา" มาสนิทสนมคลุกคลี
พี่ยาเป็นลูกสาวคนเดียว เธออยากมีน้องสาวอย่างฉัน เธอบอกอย่างนั้น
เธออยู่มัธยมปีที่สามหลายคนบอกว่าเธอเรียนดีและเป็นนักเรียนตัวอย่าง
เธอพาตัวเองเข้ามารู้จักฉันในงานชุมนุมศิลปะที่ฉันมีตำแหน่งประชาสัมพันธ์
พี่ยามาช่วยจัดนิทรรศการ ประดับดอกไม้ จับจีบผ้าตามมุมบูท
อยู่ข้างข้างจับนั่นนี่ช่วยฉันจนงานนั้นผ่านไปด้วยดี
งานเลิกเธอพาฉันลัดเลาะริมน้ำไปทานกี๋ยวจั๊บและคุยกัน
เหมือนเราคุ้นเคยกันมาเนิ่นนานทั้งทั้งที่ฉันเพิ่งรู้จัก
แต่เธอบอกเห็นฉันและประทับใจตั้งแต่วันรับน้อง
วันนั้นเราคุยกันสารพัดเรื่องแทบลืมเวลากลับบ้านเลย
หลังจากวันนั้น..ไม่มีวันไหนเลยที่ฉันไม่ได้พบพี่ยา..
ฉันจะพบรอยยิ้มต้อนรับที่บันไดตึกตอนเช้าเกือบทุกวัน
พร้อมขนมนมเนย หนังสือ บางทีมีการ์ดน่ารักกับดอกไม้ด้วย
เมื่อไหร่ที่มาไม่ได้ เธอจะฝากเพื่อนฉันมาให้
ในทุกครั้งจะมีโน้ตข้อความสั้นสั้นถึงฉันเสมอ
ฉันมองไม่เห็นว่าจะผิดปกติตรงไหน ก็มันผิดปกติอย่างไรล่ะ
ผิดตรงไหนหากใครจะสนใจ เอาใจใส่ดูแลใครสักคน
ก็เหมือน"พี่สาว" ฉันคนก่อนในโรงเรียนประถมที่ฉันเพิ่งแยกตัวมาเข้าโรงเรียนมัธยมนี่
ต่างแค่วันนั้นฉันยังถักผมเปียและใช้คอซองเช็ดน้ำมูกอยู่เลย
วันนี้หลายคนบอกเขี้ยวเล็กเล็กของฉันทำให้หน้าตาบ้องแบ้ว
พี่ยาเรียกฉัน"กระแต" สนิทสนมกันนานนานไปเหลือแค่ "แต"
เพื่อนเพื่อนเริ่มแซวแต่ฉันก็ไม่ทุกข์ร้อน
ฉันพอใจที่จะมีคนมารอรับไปทานข้าวที่โรงอาหารด้วยกัน วันไหนไม่มาเริ่มมองหา
ต่อมาแม้วันเสาร์อาทิตย์เธอก็จะแวะมานั่งเล่น นั่งคุยที่บ้าน
บางวันขลุกอยู่กับฉันจนค่ำ พี่สามบอก "สงสัยที่บ้านไม่มีใครคบ"
เธอหอบงานมาทำที่บ้านฉันบางวันจะไล่คนขับรถกลับจนคุณลุงต้องมารับเอง
เป็นอย่างนี้กว่าครึ่งปี พ่อบอกว่าน้องกลางไม่ค่อยมีเพื่อนนะ..
จริงด้วย..ฉันเหมือนไม่มีใครคบ..หรือเหมือนฉันไม่คบใคร..
ในขณะที่พี่ใหญ่ พี่รอง พี่สาม มีเพื่อนมากมาย
และเริ่มห่างความสัมพันธ์อย่างในวัยเด็ก
เมื่อฉันขอปลีกตัวไปทำงานกับเพื่อน พี่ยาจะตามไปด้วยทุกครั้ง
ฉันเริ่มอึดอัด เพื่อนว่าฉันเป็นนักโทษ มีคนคุม ..
แม้แต่พี่รหัสยังไม่ยอมคุยกับฉันเลย พบเมื่อไหร่ก็ทักไปแกนแกน
ฉันคงคิดมากตอนนั้น เพื่อนบอกฉันขรึมไป
พี่สามกระแนะกระแหนพี่ยาทุกครั้งที่เจอหน้ากัน
ฉันรู้ว่าพี่พี่เป็นห่วงฉัน เพื่อนเพื่อนหายไปทีละคน
ฉันเริ่มบิดพริ้วกิจกรรมโรงเรียน
ก็ฉันไม่อยากให้เพื่อนเพื่อนล้อเลียน และฉันไม่อยากให้พี่ยาเสียใจด้วย
"ไม่อยากให้มีเวลาที่ต้องแยกจากกัน" เธอบอกฉันใต้ซุ้มกระดังงา
ฉันนิ่งเพราะไม่รู้จะตอบอย่างไร ก็มันไม่ใช่คำถามสักหน่อย
วันหนึ่งพ่อไปพบคุณลุง คุณพ่อของพี่ยา และคุยกันอยู่นาน
เมื่อกลับมา พ่อถามฉันว่า น้องกลางอยากไปอยู่โรงเรียนประจำไหม?
แน่นอน..ฉันไม่จากบ้าน จากพี่พี่น้องน้องเด็ดขาด พ่อลูบหัวฉันเบาเบา
และบอกว่า บ้านเรามีพี่น้องอยู่กันพร้อมหน้า ทุกข์เราทุกข์ด้วยกัน สุขเราสุขด้วยกัน
ฉันรู้ว่าพ่อหมายถึงอะไร ไม่ว่าจะอย่างไร ฉันจะยังมีความรักโอบอุ้มไว้เสมอ
ต่อมาในทุกครั้งที่พี่ยามาบ้าน พวกเราจะอยู่กันครบทีม
ไม่มีใครแยกกลุ่ม ไม่ห้ามที่จะคบแต่ไม่เปิดโอกาสให้เราอยู่กันลำพัง
หรือไปไหนมาไหนด้วยกันอีก ฉันไม่รู้สึกเป็นทุกข์แต่พี่ยาขรึมไป
นานนานเข้าก็ห่างกันไปโดยปริยาย
เธอมีเพื่อนใหม่ และมีข่าวทะเลาะเบาะแว้ง ตบตีกัน มีเรื่องถึงห้องปกครองเสมอ
ฉันเพิ่งได้รู้จากเพื่อนว่าเธอเป็นหญิงที่นิยมเพศเดียวกันก็ตอนนั้น..เซ่อไปนานเลย..
เทอมปลายพี่ยาถูกส่งเข้าโรงเรียนประจำ เราไม่ได้พบกันอีกเลย
รู้แต่ว่าหลังจากจบปริญญาตรีเธอแต่งงานตามสามีไปอยู่ต่างประเทศ
และหย่าร้างกันในเวลาต่อมา เวลานี้ฉันหวังว่าเธอคงจะสบายดี
ขอบคุณในน้ำใจ ขอบคุณรอยยิ้มพิมพ์ใจของวันวาน..
ขอบคุณทุกถ้อยคำ ..ยังระลึกถึงเสมอ..
หากมีโอกาสได้พบอีกครั้ง ฉันจะบอกเธอ..
"..หากเลือกได้ จะเลือกให้เราไม่ต้องแยกจากกัน.."