ครั้งสุดท้ายก่อนกลับมาสอบปลายภาค
พ่อยิ้มลูบหัวฉันเหมือนทุกครั้ง เจือน้ำตารื้นๆในดวงตาเมื่อฉันบอกว่า
"ปริญญาใบนี้น้องกลางให้พ่อนะ"
"เลียนแบบหน้าพ่อเหมือนเปี๊ยบเลยนา"พ่อยังอุตส่าห์เย้าฉัน
คุณเจนพยาบาลพิเศษคนที่รู้สึกคุ้นเคยราวกับญาติสนิทพลอยน้ำตาซืม
เธอบอกฉันอย่างเอื้ออารี
" ไม่ต้องกังวลค่ะอีกสักสัปดาห์คุณพ่อก็กลับบ้านได้"
ฉันยิ้มรับและจากมาอย่างมีความสุขพ่อจะได้กลับบ้านแล้ว..
ฉันกลับมาตั้งหน้าตั้งตาสอบ
บางวิชาฉันรู้ว่าอาจารย์หลายท่านพยายามช่วยเหลือเต็มที่
ฉันขาดเรียนและคะแนนหายไปแยะ แต่ด้วยเครดิตที่ดีมาตลอด
กับบารมีของพ่อด้วยฉันมั่นใจ ฉันผ่านปีการศึกษาสุดท้ายมาอย่างทุลักทุเล
ในช่วงความชุลมุนของชีวิตฉันค่อนข้างลำบาก
ฉันไม่ใช่คนเรียนเก่ง หลายๆเรื่องฉันต้องพึ่งพาเพื่อนร่วมกลุ่ม
โชคดีที่มีกลุ่มเพื่อนสนิทที่ล้วนเป็นเด็กเรียน หลายคนบอกฉันคบแต่เพื่อนเรียนเก่ง
แต่ฉันถูกจริตกับเพื่อนรุ่นพี่มากกว่า ส่วนใหญ่จะเป็นบุคลากรทางการศึกษา
ในช่วงสองปีสุดท้ายในภาควิชาเดียวกัน ฉันมีเพื่อนชายหญิงหลายคนที่ลามาศึกษาต่อ
คนที่สนิทที่สุดอยู่ในเส้นทางเดียวกัน
ในความแตกต่าง เธอชอบทำตัวเฟริสท์คบเพื่อนไฮโซ
แตกต่างจากโลกของฉันลิบ ฉันชอบมุมเงียบเงียบส่วนตัว
แต่อาจเป็นเพราะอีกมุมหนึ่งเธอไม่มีเพื่อนที่เหมาะกว่าฉันมั้ง
เรากลับบ้านด้วยกันทุกวัน วันที่กีต้าร์บอกฉัน " พี่อาร์ตชอบเธอ"
เธอบอก "อย่าไปสนใจเลย พี่อาร์ตกะล่อน"
ฉันที่เคยแอบลังเลอยู่เล็กเล็กว่า พี่อาร์ตชอบฉันจริงหรือแค่กะล่อนไปวันวัน
ตัดสินใจได้ในตอนนั้นเลยไม่อิดออด เลิกใส่ใจ ไม่สนใจคนกะล่อน
ฉันคล้อยตามอย่างเธอบอก แล้วฉันก็รู้ในที่สุดว่าเธอแอบชอบพี่อาร์ต
แต่ฉันก็ยังพอใจเลือกคบเธอ
วันเกิดของเธอในปีนั้นฉันใช้เวลาตัดดอกกุหลาบอยู่แต่เช้า
ในสวนที่เจ้าของไม่ว่างแต่อนุญาตให้ฉันตัดได้ตามความพอใจ
ก็ลูกค้าประจำ สวนนั้นมีแต่รอยเท้าของฉันปรุไปทุกตารางพื้นที่
เก็บดอกไม้เสร็จกว่าจะถึงชั้นเรียน คริสตินก็ยืนพร้อมบรรยายแล้ว
โชคดีที่วันนั้น เก้าอี้เรคเชอร์ถูกจัดแบบเรียงหน้ากระดาน
ไม่ได้เข้ากลุ่มกิจกรรมเหมือนทุกวัน
ฉันเขินเกินกว่าจะเข้านั่งหน้าชั้นเหมือนทุกครั้ง
เดินก้มหน้างุดงุดเตรียมจะยัดช่อดอกไม้ไว้ใต้โต๊ะ
ตั้งใจว่าหมดชั่วโมงค่อยให้เธอที่ยังมองไม่เห็นว่านั่งตรงไหน
นึกไม่ถึงว่าทันทีที่ก้าวเท้าเข้าห้อง
เสียงปรบมือเริ่มมาจากหลังซ้าย แล้วกราวไปหมดเลยทั้งชั้นเรียน
เพื่อนให้ฉันเอาช่อดอกไม้ไปให้มิสเตอร์คริสติน
ไม่รู้จะบอกอย่างไร เมื่อมีเสียงหนึ่งดังขึ้นก่อน
" Happy Valentine's Day"
แล้วหลายคนก้อพูดตามพร้อมพร้อมกัน
มิสเตอร์คริสยืนยิ้มกว้างหน้าแดง
เพื่อนเคยแซวเสมอว่าเขาเอาใจใส่ฉันเป็นพิเศษ
หลังวันนั้น คริสตินเป็นเงาของฉัน แต่เธอตัดขาดฉันไปเลย
รับรู้ทีหลังว่าวันนั้นเธอก็เอาดอกไม้ไปให้คริสตินเหมือนกัน
แต่คริสตินไม่รับกลับบอกว่า ของผมมีแล้ว....
ก้อช่อที่ฉันเตรียมไว้ให้เธอนั่นแหล่ะ
เธอที่รัก..หากเผอิญผ่านมาพบขอบอกว่าขอโทษนะไม่ได้ตั้งใจ
ก่อนกระโดดขึ้นรถไฟอีกครั้งฉันเจอพี่อาร์ตอีกครั้งกับใครอีกคนที่ไม่ใช่ฉันและเธอ
ฉันงงมากกับเธอและคนข้างข้างเธอที่เป็นใครไม่รู้ ที่ฉันไม่เคยรู้จัก..
รักในแบบของใคร ก็เป็นแบบของมันไม่มีแบบแผนตายตัว
อย่าฝืนใจรัก ถ้ามันไม่ใช่ ไม่มีประโยชน์อะไร
หากจะคบใครสักคนเพียงเพราะอยากจะมีใครสักคน.
ในช่วงนั้นการสื่อสารแบบเฉียบพลันยังไม่แพร่หลาย
ฉันได้รับข่าวของพ่อทางโทรเลข "เตรียมชุดขาวของพ่อมาด้วย"!!!
ฉันเผ่นถึงโรงพยาบาลเช้ามืดนั้นไม่รอฟังผลการสอบที่หลายคนไม่ผ่าน..
ต้นเดือนมีนาคม ฉันขลุกอยู่กับพ่อที่โรงพยาบาลนั่นเอง
ดวงใจฉันแทบแตกสลายกับอาการของพ่อที่ทรงทรงทรุดทรุด
และไม่รู้สึกตัวอีกเลย
ในระหว่างที่ฉันขมักเขม้นสอบพ่อล้มในห้องน้ำ
และกระเทือนถึงภายในเลือดตกกระเพาะต้องผ่าตัดกระทันหัน
หลายคนบอก" ถ้าน้องกลางอยู่พ่อคงไม่ล้ม"
ก็ฉันไม่เคยทิ้งพ่อแม้ในห้องน้ำ แม้ว่าพ่อจะไล่ฉันด้วยความเกรงใจ
แต่ที่สุดพ่อก็ชินกับฉันที่ยืนหันหลังให้ และรอจนกว่าจะทำธุระเสร็จ
ฉันร้องให้จนเหมือนน้ำตาหมดแล้วในวันนั้นและไม่ร้องอีก
ฉันไม่อยากให้พ่อเป็นทุกข์ ปลายสัมผัสที่ปลายนิ้วของพ่อในมือฉัน
บอกให้รู้ว่าพ่อยังอยู่ใกล้ใกล้ฉันและพ่อก็รับรู้ว่าฉันเองก็ไม่ห่างพ่อไปไหน
4 มีนาคม ก่อนวันรับพระราชทานปริญญาบัตรของฉัน 20 วัน
พ่อสิ้นลมเงียบเงียบจากการช็อคพลาสมา.
น้ำตาฉันคงหมดไปแล้วจริงจริง..ดวงตาแห้งผากกับรับรู้ใหม่
..ฉันสิ้นร่มโพธิ์ร่มไทร..