อหังการ์ไส้เมี่ยง (วันเสียงปืนแตก และรูกระดาน)
อีกครั้งที่กลับเข้าที่พักอย่างงุนงง
ใครส่งหน่วยเฉพาะกิจมาคุ้มครองฉันล่ะเนี่ย !!!
(พักหลังๆนี่ชักจะมีอะไรแปลกๆมาแวดเวียนชีวิตฉันอยู่เนืองเนือง)
เอ..นายกรัฐมนตรีสมัยหน้านู๊นนน จะมีหน้าตาอย่างฉันหรือไร
หรือมีใครบางคนมาจัดการกับชีวิตของฉันจริงๆ
บอกใบ้ให้หน่อยซี สัญญาว่าจะตามหาจนเจอ คิคิ
เลี้ยวเข้าช่องจอดไม่สะดวกเหมือนเคย หงุดเงี้ยว
ก้ะ CIVIC ของฉันมันไม่ใช่สามล้อแดง วงเลี้ยวมันจำกัดหนิ
เดินหน้าถอยหลังอยู่นานเสี่ยงกับเสาเล็กเล็กของเต๊นท์กองกำลังที่ยังไม่รู้สังกัด
จอดรถเข้าช่องได้ก็ใช้สายตาถามพอได้คำตอบสังเขป
ตำรวจท้องที่ร่วมมือกับเทศบาลตั้งจุดตรวจเพื่อ "ต้านยาเสพติดและรักษาความสงบเรียบร้อย"
เออดีแห่ะ..โมเมเอาว่ามาอารักขา VIP (...)
มันปรามพฤติกรรมนอกรีตของวัยรุ่นได้ชั่วขณะ
แต่อีกหนึ่งความคิดที่แวดเข้ามาในสมอง
คืนก่อนที่มีเสียงปืนหน้าที่พัก เล่าว่าเป็นฝีมือวัยคะนองที่ท้าทายกฎหมาย
เด็กกลุ่มนั้นมีอาวุธพกพา ??!!
มาจากไหน เพื่ออะไร ฉันคิดไปถึงปัญหาร้อยแปด
อุบัติเหตุ..วัยระเริง..และ....ชีวิตที่ถูกสังเวยไปชีวิตแล้วชีวิตเล่า
คิดถึงเรื่องนี้กันบ้างไหม มีมาตรการป้องกันหรือยัง
หรือต้องรอให้มีการสูญเสีย จะต้องมีคดีวัวหายล้อมคอกอีกกี่คดี ?
ฉันกลับมาควานหาบันทึกหน้านี้ขึ้นมาทบทวนใหม่.. เรื่องราวของฉันกับสื่อมรณะ.. แม๊กนั่มอะไรไม่รู้ของพี่รอง (บอกเหมือนกันแต่ลืมไปแล้ว)
ฉันก็จำได้แต่ .38 ลูกโม่ของพ่อกับ .22 แม๊กนั่มที่เคยใช้..
เพราะเคยเป็นสองชิ้นที่ทำความสะอาดดูแลรักษาเอง
ยึดไว้อยู่ในความครอบครองพักหนึ่ง
แต่หลังจากที่ถูกกาลเวลาหล่อหลอมกล่อมเกลา
ฉันเรียนรู้แล้วว่าอาวุธนอกกายใช้ไม่ได้ดีในยามคับขัน อาวุธชนิดไหนกันเล่าจะมีอานุภาพทัดเทียมอาวุธประจำตัว..สมอง..
ฉันไม่พกพาแม้จะมีใบอนุญาต ..แค่สนใจก็ยังนับว่าผิดปกติ
เดี๋ยวนี้..ฉันเลิกสนใจเรื่องปืนผาหน้าไม้โดยสิ้นเชิง
จะเพราะอะไรเสียอีก..หากไม่ใช่วันนั้น วันเสียงปืนแตกและ..รูกระดาน
วันหยุดเดียวกันนี้ในปีนั้น พวกเรากลับมาพบกันพร้อมหน้า
คนอื่นๆนั่งคุยกันชั้นล่าง ฉันหมดเรื่องคุยปีนไปห้องใต้หลังคาหาหนังสืออ่าน
พ่อสะสมหนังสือไว้เยอะมากที่นั่นเป็นห้องสมุดเล็กๆ มุมสงบของฉัน วันสบายสบายวันนั้นฉันเลี่ยงขึ้นไปข้างบนเงียบเงียบ
ทันมาแอบเห็นว่าพี่รองวางแม๊กนั่มสีบรอนซ์มันปลาบ
สงบนิ่งไว้ที่พักเชิงบันไดตัวเองเข้าห้องน้ำ
ก้อฉันคนเดิมนี่นะ..
วัยคะนองของฉันส่งมือไปหยิบแม๊กนั่มกระบอกนั้นมาพินิจพิจารณา
พลิกซ้าย พลิกขวา ปลดล็อค..ถอดแม๊กออกมาวางอย่างที่คิดว่ารอบคอบแล้ว...
ลองง้างนกแล้วสับไก..เปรี้ยง!!!!!! คุณพระช่วย..
ฉันไม่ได้คาดคิดถึงอีกหนึ่งนัดที่ค้างอยู่ในลำเพลิง..
เสียงกัมปนาทนั้นแทบหยุดลมหายใจของฉัน
แต่เสียงของพี่รองดังกว่า..พี่รองเผ่นมาถึงฉันแทบทันทีที่สิ้นเสียงแผดก้อง
" เล่นทำไม เล่นทำไม!! " ฉันไม่รู้ว่าเสี้ยววินาทีนั้นฉันวางตัวเองไว้หลืบไหนของอเวจี ฉันถูกสะกดให้งันงกกับความเขลาของตัวเอง
พี่รองจับตัวฉันเขย่า "เป็นอะไรหรือเปล่า"
รอยกระสุนที่ทะลุผ่านเนื้อไม้เป็นรูแล้วแฉลบไปถึงหน้าพื้นหินอ่อนชั้นล่าง
ชั้นล่างที่พ่อนอนหลับสนิทบนเก้าอี้โยกตัวเดิม ..!..
มีคำถามมากมายประดังตามมา ถ้า..ถ้า..ถ้า..และ..ถ้า..
ถ้า..ล้วนแต่น่ากลัวทั้งนั้น..
หลังเหตุการณ์ครั้งนั้น..ฉันไม่แตะอาวุธทุกชนิดอีกเลย
พี่รองไม่วางปืนในระดับสายตา พ่อเก็บปืนของพ่อไร้ร่องรอย
รอยกระสุนที่คงทิ้งไว้ไม่ใช่แค่"ร่องบ้วนน้ำหมาก" อย่างที่ใครใครล้อเลียน
แต่มันคือหนึ่งประสบการณ์มฤตยูของฉัน ประสบการณ์เสี่ยงที่ไม่อาจนับว่าเป็นบทเรียน..
..ฉันไม่ถือว่าเป็นบทเรียน..
แบบฝึกหัดนี้ไม่จำเป็นสำหรับชีวิต เพราะมันแพงเกินไป
บางทีมันอาจต้องแลกด้วยหยาดเลือด หยดน้ำตา..และชีวิตที่ไม่อาจหวนคืน..
โปรดเถอะ..อย่าให้มีอีกสักแม้ชีวิตหนึ่งที่ต้องสังเวยไปกับมฤตยู
มฤตยูที่ไม่มีความจำเป็นต้องเรียกหาไว้ในครอบครองนี้เลย..
|