Neric-Club.Com
  ทรัพยากรคลับ
  พิพิธภัณฑ์หุ่นกระดาษ
  เปิดประตูสู่อาเซียน@
  พันธกิจขยายผล
  ชุมชนคนสร้างสื่อ
  คลีนิคสุขภาพ
  บริหารจิต
  ห้องข่าว
  ตลาดวิชา
   นิตยสารออนไลน์
  วรรณกรรมเพื่อเยาวชน
  ลมหายใจของใบไม้
  เรื่องสั้นปันเหงา
  อังกฤษท่องเที่ยว
  อนุรักษ์ไทย
  ศิลปวัฒนธรรมไทย
  ต้นไม้ใบหญ้า
  สายลม แสงแดด
  เตือนภัย
  ห้องทดลอง
  วิถีไทยออนไลน์
   มุมเบ็ดเตล็ด
  เพลงหวานวันวาน
  คอมพิวเตอร์
  ความงาม
  รักคนรักโลก
  วิถีพอเพียง
  สัตว์เลี้ยง
  ถนนดนตรี
  ตามใจไปค้นฝัน
  วิถีไทยออนไลน์
"ในยุคสมัยแห่งโลกแฟนตาซี ปลาใหญ่ไม่ทันกินปลาเล็ก ปลาเร็วไม่ทันกินปลาช้า ปลาตะกละฮุบเหยื่อโผงโผง โง่ยังเป็นเหยื่อคนฉลาด อ่อนแอเป็นเหยื่อคนเข้มแข็ง คนวิถึใหม่ต้องฉลาด เข้มแข็ง เสียงดัง มีเงินเป็นอาวุธ
ดูผลโหวด
 
 

'องค์ความรู้ในโลกนี้มีมากมาย
เหมือนใบไม้ในป่าใหญ่
มนุษย์เราเรียนรู้ได้
แค่ใบไม้หนึ่งกำมือของตนเอง
ผู้ใดเผยแผ่ความรู้
อันเป็นวิทยาทานแก่ผู้อื่น
นั่นคือกุศลอันใหญ่ยิ่ง'
 
องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า












           




             ซ่อมได้ 


สถิติผู้เยี่ยมชมเวปไซต์
14322902  

วิถีพอเพียง

ไม้กฤษณาคืออะไร

คำว่า กฤษณา หมายถึง ไม้กฤษณา หรือกฤษณา หรือต้นไม้หอม ไม้กฤษณาที่ยังเป็นต้นไม้อยู่ (ตอนที่ยังไม่เกิดบาดแผล) จะมีเนื้อไม้สีขาว แต่เมื่อเกิดบาดแผลแล้วก็จะมีน้ำมันสีดำเกิดขึ้น และขยายวงกว้างออกไป สำหรับไม้กฤษณาที่เกรดดี ๆ ที่มีราคาหลายหมื่นบาท ก็จะต้องทิ้งไว้หลายปี จนเป็นสีดำสนิท หรือสีน้ำตาล

การขยายพันธุ์

ชาวบ้านทั่วไปมักจะใช้การเพาะเมล็ด เมล็ดของกฤษณามาจากดอกที่จะออกดอกช่วงผลัดใบ ประมาณเดือนมีนาคม-เมษายน หรือช่วงหลังปีใหม่ ถ้าฝนแล้งก็จะมีดอกช่วงเดือนมีนาคม โดยจะมีดอก 2 ชุดคือ ชุดเล็กและชุดใหญ่ (บางครั้งจะมี 1 ชุด) ผลจะแก่ช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน ก็จะทยอยร่วงหล่น ผลมีเมล็ด 2 แบบคือ เมล็ดแก่จะมีสีเขียว และถ้าเมล็ดแก่มาก ๆ จะมีสีน้ำตาล และแตกออก ทำให้สามารถเก็บไปเพาะพันธุ์ต่อได้

มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์มีการเพาะเมล็ดพันธุ์กฤษณา แต่เป็นวิธีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ซึ่งใช้เวลานาน จึงต้องใช้พันธุ์ที่ดีจึงจะคุ้มค่ากับเวลาที่เสียไป และการใช้วิธีแบบนี้จะให้ผลผลิตที่ดีมาก ถ้าได้พันธุ์ที่ไม่ดี จะทำให้เกิดกฤษณาพันธุ์ที่ไม่ดีหลายหมื่นต้น ซึ่งเป็นการสิ้นเปลืองต้นทุน

การเพาะปลูก

สำหรับไม้กฤษณาสามารถขึ้นได้ทั่ว ๆ ไป แต่ถ้าจะให้ดีควรมีการจัดสรรที่ที่เหมาะสม สภาพดินต้องมีความชุ่มชื้น ไม่ควรเป็นดินทรายจัด ดินลูกรัง หินดาน หรือที่แห้งแล้งจนเกินไป ฝนตกไม่ต่ำกว่า 5 เดือน และต้องตัดแต่งกิ่งให้ดีด้วย จะต้องมีระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 3.3 ตารางเมตร เมื่อปลูกได้แล้ว หลังจาก 5 ปี ควรจะวัดเส้นรอบวงได้ประมาณ 50 เซนติเมตร โดยวัดสูงจากพื้นดิน 1 เมตร

ราคา

ที่จังหวัดจันทบุรีและจังหวัดตราด ต้นกล้าสูงประมาณ 1 ฟุต ขาย 10 บาท แต่ถ้าสูง 5-6 เซนติเมตร ขาย 4-5 บาท

การเกิดจากเชื้อราตามที่สมัยก่อนเชื่อ

จากความเชื่อแต่โบราณ ในงานวิจัยนี้ได้มีการนำเชื้อราจากต้นไปตรวจพบว่า ไม่ได้ทำให้เกิดกฤษณา แต่เป็นการทำลายเนื้อไม้ให้ผุ จึงสรุปได้ว่า เชื้อราเป็นตัวทำให้เกิดกฤษณาเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นไม่ใช่ส่วนใหญ่ การที่จะทำให้เกิดกฤษณาได้ต้องทำให้เกิดบาดแผลเท่านั้น

ทราบได้อย่างไรว่าเกิดกฤษณาขึ้น

1. นำไม้ที่ต้องการตรวจไปลอยน้ำ ถ้าลอยน้ำแสดงว่าเกิดกฤษณาน้อย หรือไม่มี แต่ถ้าจมน้ำแสดงว่าเกิดกฤษณามาก และไม้มีสีดำ

2. นำไม้ที่ต้องการตรวจไปเผาไฟ ถ้ามีกฤษณาก็จะมีกลิ่นหอม

3. ตรวจดูจากแผลที่เกิด ถ้ามีกฤษณาก็จะมีสีน้ำตาล หรือดำ และขยายวงกว้างออกไป

การกลั่นน้ำมัน

นำเนื้อไม้ที่ได้ไปบดให้ละเอียด ส่วนใหญ่ใช้เกรดที่ต่ำที่สุด แล้วนำไปแช่น้ำ 5 วัน สัดส่วนน้ำต่อเนื้อไม้ 50:50 เมื่อครบ 5 วัน ก็นำไปต้มในหม้อความดัน เป็นเตาแก๊สหรือเตาถ่านก็ได้ ก็จะเกิดน้ำมันออกมา และก็นำไปแบ่งออกตามเกรด ราคาน้ำมัน 4,000-8,000 บาท ต่อ 1 solar (12 กรัม)

ความต้องการของตลาด

ส่วนใหญ่จะนำไปประกอบพิธีทางศาสนา สมุนไพร และมักใส่ในน้ำหอม ทำให้ติดทนนาน ในแถบตะวันออกกลาง มักจุดใช้ในครัวเรือนทำให้มีกลิ่นหอม เป็นเครื่องแสดงฐานะ

ควรจะส่งเสริมให้เป็นพืชเศรษฐกิจหรือไม่

ในปัจจุบันคนเริ่มมีความสนใจและปลูกกันมากขึ้น เพราะเห็นว่ามีช่องทางที่จะทำเป็นการค้าขายได้ แต่ความเป็นจริงยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้ถึงเรื่องของปริมาณจำนวนแผลที่จะเกิดขึ้นต่อต้นเป็นเท่าไร และจะเกิดผลผลิตเท่าไร ทั้งนี้จะต้องอยู่ในระยะเวลาที่กำหนดด้วย คือยังไม่สามารถที่จะคาดการณ์ถึงผลกำไรว่าจะคุ้มค่าทางเศรษฐกิจหรือไม่ ในแง่ของการส่งเสริมคิดว่าไม่แนะนำให้ปลูก เพราะว่าดูแลยาก จะต้องดูถึงสภาพดินและพันธุ์ไม้ด้วย อาจจะไม่คุ้มกับทุน แต่ถ้าจะปลูกแบบแซมกับต้นไม้ชนิดอื่น ๆ ปลูกรอบสวน ปลูกบังลม แล้วปล่อยให้โตเองโดยที่ไม่ต้องดูแลมาก แต่อาจจะทำให้เกิดแผลไปเรื่อย ๆ ไม่ควรปลูกโดยใช้พื้นที่จำนวนมากหรือเป็นป่า เพราะผลผลิตอาจเกิดน้อย ส่วนใหญ่มักนำเนื้อไม้ไปทำพวกกล่องเพชร ลูกประคำ คันธนู ฯลฯ แต่คุณค่าจริง ๆ อยู่ที่น้ำมันกฤษณา จึงต้องใช้เวลานานในการปลูก เพราะฉะนั้นจึงจะต้องมีทุนจำนวนมากและมีพื้นที่

ข้อแนะนำสำหรับเกษตรกรผู้สนใจ

1. สำหรับเกษตรกรที่มีทุนมาก และสามารถรอได้ จะปลูกเป็นผืนป่าก็ได้

2. สำหรับเกษตรกรที่มีทุนน้อย ควรจะปลูกแบบรอบ ๆ สวนมากกว่า



หน้าที่ :: 1   2   3   4   5   6   7   8   9   10   11  


Copyright © 2012 Neric-Club.Com All Rights Reserved