ระบบการให้น้ำในปัจจุบันมีให้เลือกใช้หลายแบบมีทั้งระบบขนาดใหญ่ กลางและเล็ก พอเป็นตัวอย่างดังนี้
-ระบบน้ำหยด -ระบบมินิสปริงเกลอร์ -ระบบสปริงเกลอร์ -ระบบการให้น้ำขนาดใหญ่ -ระบบน้ำในโรงเรือน
ระบบน้ำหยด -ผิวดิน ใต้ดิน -ประหยัดน้ำ -ท่อส่งน้ำได้ไกล -ให้ปุ๋ยไปกับน้ำได้ -ใช้กับพืชที่มีลักษณะการปลูกที่เป็นแถวชิด -ใช้ความดันต่ำ 5-10 เมตร
หัวน้ำหยด-บนผิวดิน -ปักตามระยะที่เราต้องการ -ปรับปริมาณน้ำได้ -ถอดเปลี่ยนได้ -อัตราการไหล 4-10 ลิตร/ชั่วโมง ท่อน้ำหยด-ท่อหนา และเทป -เจาะรูน้ำหยดมาสำเร็จ -มีหลายระยะให้เลือกใช้ -ระยะการวางท่อยาวโดยที่ปริมาณน้ำแตกต่างกันน้อยมาก -สดวกไม่ยุ่งยาก ระบบมินิสปริงเกลอร์แบบหัวเหวี่ยง-อัตราการจ่ายน้ำ 35-200 ลิตร/ชั่วโมง -เหมาะกับไม้ผล -พืชผักที่ปลูกชิดติดกัน -รัศมีการให้น้ำ 2 –5 เมตร -ควรใช้ร่วมกับกรองน้ำเพื่อป้องกันการอุดตัน
ระบบการให้น้ำแบบสปริงเกลอร์ -มีอัตราการไหลมาก 200 ขึ้นไปอาจถึง 1000 ลิตร -รัศมีการให้น้ำ 4 เมตร ขึ้นไป อาจถึง 60 เมตร -ให้แบบฝนตก -พืชไร่เช่นข้าวโพด ถั่ว สนามหญ้ากว้าง ๆ
ระบบสปริงเกลอร์ขนาดเล็ก -รัศมี 8 เมตร -อัตราการไหล 400 ลิตร/ชั่วโมง -พื้นที่ 2 ไร่ ใช้ประมาณ 40 หัวจ่าย -อัตราการให้น้ำประมาณ 5 มิลลิเมตร/ชั่วโมง
หัวมินิสปริงเกลอร์แบบปะทะ -รัศมีให้น้ำแคบกว่าชนิดหัวเหวี่ยง -การกระจายน้ำดี -ทนทานเพราะไม่มีชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหว
ระบบสปริงเกลอร์ขนาดใหญ่
แบบเคลื่อนย้ายท่อเมื่อให้จนได้ปริมาณน้ำที่เพียงพอแล้วก็เคลื่อนย้ายท่อไปจนทั่วแปลง -ได้พื้นที่มาก ๆ -ใช้ต้นกำลังสูง -ใช้งบประมาณมาก -ระบบสปริงเกลอร์ขนาดใหญ่
แบบเคลื่อนย้ายตัวเอง -ใช้เครื่องจักรทั้งหมด -ให้น้ำเป็นวงกลม -สะดวกในการเคลื่อนย้าย -ดึงหัวจ่ายน้ำกลับด้วยตัวเอง -สูญเสียความดันมาก -เคลื่อนย้ายได้ตามต้องการ
|