เวลานั้นองค์กรของพ่อเพิ่งขยายตัวเติบโต
คนรุ่นใหม่ที่เพิ่งเข้ามาประจำการในสถาบันกว่าครึ่งมาจากต่างจังหวัด
แหล่งรวมของคนพลัดถิ่นจึงหลีกไม่พ้นจากบ้านพ่อ
ในความเสรีประหนึ่งชายโสด และอัธยาศัยไมตรี
พ่อจึงเป็นอาวุโสที่คนหน้าใหม่เลือกเข้ามาพึ่งพิง
"บ้านพ่อ"ซึ่งไกลห่างจากชุมชนเป็น"ทำเลดี"
เหมาะสำหรับตั้งก๊วนคุยโขมงโฉงเฉง สัพเพเหระ
ใต้ร่มไม้,ขนุน,ชงโค ,ลานไผ่หรือแม้แต่ลานกว้างใต้ระเบียง
จึงกลายเป็นสโมสรย่อยๆ ตามแต่เวลาใดพอเหมาะให้แดดร่มลมตก
ฉันเริ่มเรียนรู้ปัญหาอุปสรรคในชีวิตการทำงาน จากวงเหล้า!
ความจอมปลอมของภาพลักษณ์ต่างๆของสังคมและกลุ่มชน
บางวันเสียงดังลั่นๆราวกับจะมีกลียุค บางวันเหมือนจะตัดญาติขาดมิตร
แต่ในที่สุดก็กลับมารวมตัวกันอีกเหมือนเคย
ฉันมองเห็นความกลมเกลียวอันน่ารักของสหายต่างวัย ต่างความเห็น
ฉันได้รับรู้เรื่องราวมากมายทั้งเชิงบวกเชิงลบของการบริหารจัดการไม่ซ้ำแบบ
บางวันก็รับรู้เรื่องราวของปัญหาครอบครัวของคนต่างวัย
และหลายครั้งที่พ่อต้องเป็นกรรมการตัดสินคดีความให้คู่กรณี
บางวันที่บ้านจะเป็นเวทีแสดงคอนเสริทของคนหนุ่มที่สนใจดนตรีสากล
บางวันก็เป็นวงเครื่องสายผสม แต่พ่อจะพอใจเล่นเครื่องดนตรีชิ้นเดียวมากกว่า
ที่ถูกใจมากคือภาพสมาชิกสโมสรทั้งหลายช่วยกันทำกับแกล้มกันคนละไม้ละมือ
บ้างขุดหน่อไม้ บ้างหาใบย่านาง โขลกน้ำพริก ครู่เดียวก็ได้แกงหน่อไม้สด
ฉันได้วิชาทำกับข้าวรสเด็ดจากก๊วนสัญจร
เป็นที่เฮฮาที่สุดกลับเป็นเจ้าวัตถุความเร็วสูงและการประลองฝีมือ
กับปืนสั้นปืนยาวที่แต่ละคนหามาครอบครองตามยุคสมัย
บางวันมีทดสอบความแม่นยำกับเป้านิ่ง
เวลานั้นรอบบ้านใกล้เคียงยังไม่หนาแน่นเหมือนปัจจุบัน
กอปรกับด้านหลังเป็นป่ารกชัฏสงัดผู้คน
ฉันมองดูความแตกต่างของอาวุธเล็กร้ายแรงนั่นกับหนังสะติ๊ก
พวกเราทุกคนเคยใช้หนังสะติ๊กกับแนวกระป๋องในพื้นที่เดียวกัน
บางวันฉันก็มีโอกาสได้ทดสอบฝีมือการใช้ปืนลมด้วย
ในเวลานั้นฉันอยู่กับพ่อและแป้งนม
พี่พี่น้องน้องคนอื่นอื่นต่างแยกย้ายไปเลือกเรียนสาขาที่พอใจ
ปิดเทอมหรือวันหยุดยาวจึงจะกลับมารวมตัวกันสักครั้ง
แต่วันหยุดที่แทบหยุดลมหายใจของฉันในวันหนึ่งที่ยังค้างอยุ่ในใจฉันเสมอ
วันที่คนอื่นๆนั่งคุยกันอยู่ชั้นล่าง ฉันหมดเรื่องคุยปีนไปห้องใต้หลังคาหาหนังสืออ่าน
พ่อสะสมหนังสือไว้เยอะมากที่นั่นเป็นห้องสมุดเล็กๆ มุมสงบของฉัน
วันสบายสบายวันนั้นฉันเลี่ยงขึ้นไปข้างบนเงียบเงียบ
ทันมาแอบเห็นว่าพี่รองวางแม๊กนั่มสีบรอนซ์มันปลาบ
สงบนิ่งไว้ที่พักเชิงบันไดตัวเองเข้าห้องน้ำ
วัยคะนองของฉันส่งมือไปหยิบแม๊กนั่มกระบอกนั้นมาพินิจพิจารณา
พลิกซ้าย พลิกขวา ปลดล็อค..ถอดแม๊กออกมาวางอย่างที่คิดว่ารอบคอบแล้ว...
ลองง้างนกแล้วสับไก..เปรี้ยง!!!!!! คุณพระช่วย..
ฉันไม่ได้คาดคิดถึงอีกหนึ่งนัดที่ค้างอยู่ในลำเพลิง..
เสียงกัมปนาทนั้นแทบหยุดลมหายใจของฉัน
แต่เสียงของพี่รองดังกว่า..พี่รองเผ่นมาถึงฉันแทบทันทีที่สิ้นเสียงแผดก้อง
" เล่นทำไม เล่นทำไม!! "
ฉันไม่รู้ว่าเสี้ยววินาทีนั้นฉันวางตัวเองไว้หลืบไหนของอเวจี
ฉันถูกสะกดให้งันงกกับความเขลาของตัวเอง
พี่รองจับตัวฉันเขย่า "เป็นอะไรหรือเปล่า"
รอยกระสุนที่ทะลุผ่านเนื้อไม้เป็นรูแล้วแฉลบไปถึงหน้าพื้นหินอ่อนชั้นล่าง
ชั้นล่างที่พ่อนอนหลับสนิทบนเก้าอี้โยกตัวเดิม ..!..
มีคำถามมากมายประดังตามมา ถ้า..ถ้า..ถ้า..และ..ถ้า..
ถ้า..ล้วนแต่น่ากลัวทั้งนั้น..
หลังเหตุการณ์ครั้งนั้น..ฉันไม่แตะอาวุธทุกชนิดอีกเลย
พี่รองไม่วางปืนในระดับสายตา พ่อเก็บปืนของพ่อไร้ร่องรอย
รอยกระสุนที่คงทิ้งไว้ไม่ใช่แค่"ร่องบ้วนน้ำหมาก" อย่างที่ใครใครล้อเลียน
แต่มันคือหนึ่งประสบการณ์มฤตยูของฉัน ประสบการณ์เสี่ยงที่ไม่อาจนับว่าเป็นบทเรียน..
..ฉันไม่ถือว่าเป็นบทเรียน..
แบบฝึกหัดนี้ไม่จำเป็นสำหรับชีวิต เพราะมันแพงเกินไป
บางทีมันอาจต้องแลกด้วยหยาดเลือด หยดน้ำตา..และชีวิตที่ไม่อาจหวนคืน..
โปรดเถอะ..อย่าให้มีอีกสักแม้ชีวิตหนึ่งที่ต้องสังเวยไปกับมฤตยู
มฤตยูที่ไม่มีความจำเป็นต้องเรียกหาไว้ในครอบครองนี้เลย..