|
|
ตอนที่ 8 : ในดวงจิต
___________________________
วันที่ลานกว้างๆใต้ร่มต้นอินทนิลถูกขุดลึกลงเป็นบ่อกักน้ำเป็นอีกหนึ่งบทเรียนที่พ่อให้เราเรียนรู้โลกและความพอดีชีวิต แปลงดินลูกรังส่วนนั้นพ่อบอกไม่เหมาะสำหรับการเพาะปลูก พ่อบอกว่าให้เป็นที่เก็บขังน้ำฝนสำหรับปลูกผักสวนครัว รวมไปถึงความคิดที่จะทำเกษตรครบวงจรด้วย |
ดินลูกรังส่วนนั้นพ่อยื่นข้อเสนอแลกเปลี่ยนเป็นปุ๋ยคอกลำรถใหญ่ น้องเล็กดีใจกว่าใคร ก็เธอชอบนักเรื่องการปลูกพืชผักสวนครัว
ฉันจำได้เสมอวันที่พี่ใหญ่กับพี่รองหน้าตาตื่นจากโรงเรียน ผลัดกันเล่าอย่างตื่นเต้นถึงเหตุการณ์ "อัฒจรรย์เชียร์พัง" เพราะทั้งสองคนก็ร่วงลงมาด้วยแต่ไม่เป็นไรมากนอกจากรอยขีดข่วนเล็กน้อย
พ่อถาม "แล้วน้องเล็กล่ะ" น้องเล็กบอกอยู่แปลงเกษตร ก็เธอใช้เวลาอยู่กับกิจกรรมเกษตรมากกว่ากีฬา น้องเล็กเลือกชุมนุมยุวเกษตรในขณะที่พี่ชายทั้งสองคนรักฟุตบอลกันเป็นชีวิตจิตใจ ไม่มีวี่แววเลยสักนิดว่าโตขึ้นน้องเล็กจะได้เป็น "ดาวฟุตบอลมหาวิทยาลัย"
วันที่พ่อยืนคุมการขุดแหล่งน้ำน้องเล็กเลียนแบบโฟร์แมนของพ่อไม่ผิดเพี้ยน ตัวเล็กผอมบางกับเสื้อกล้ามกางเกงขาก๊วยมีผ้าขาวม้าคาดพุง และหมวกปีกกว้างที่ใส่หรุบหน้ายืนเท้าสะเอวตามแบบพ่อทำให้เธอดูน่าขัน
เพื่อนพ่อมักเรียกน้องเล็กว่า "พระเอก" เพราะหน้าตาคมคายของเธอ แต่พ่อจะเรียกว่า เจ้าโหนก ตามท้ายทอยทุยๆนั้นมากกว่า
เจ้าโหนกของพ่อค่อนข้างเอาแต่ใจตัวเองและติดจะแสนงอนด้วย ชอบมาเล่นกับกลุ่มพี่น้องผู้หญิงอย่างแก้วใสมากกว่าพี่ชาย แม้ว่าขอบเขตกว้างๆของเราจะเพียงพอแล้วสำหรับสนามรบของทะโมนทั้งหก แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่มีเสียงหนังสะติ๊กหรือเสียงแปลกๆมาเลียบเคียงเลาะริมรั้ว คนวงในจะรีบถลันออกไปทันทีอย่างเจ้าถิ่น "อย่ายิงนกเรานะ นกบินอยู่ในบ้านเรา" พวกเราขำกันกลิ้งวันที่พ่อมาเย้าน้องเล็ก วันที่เด็กข้างบ้านอริของ"เจ้าโหนก"ดอดมาฟ้องพ่อ "คุณลุง ลูกคุณลุงชอบมาล้อหน้าผม" ความที่ตัวเล็กกว่าทำให้น้องเล็กสู้ได้แค่แลบลิ้นปลิ้นตาหลอกคนนอกรั้วแล้ววิ่งหนีเข้าบ้าน ความไม่ลงรอยกับคนนอกรั้วส่วนใหญ่แล้วก็มาจากความหวงถิ่นนี่เอง
ในอาณาจักรของเราปกแผ่ความสงบร่มเย็น พ่อไม่ได้บ่มนิสัยให้เราติดเขี้ยวเล็บ แต่ทุกคนรู้จักสร้างอาณาจักร มีมุมของตัวเอง ชีวิตวัยเด็กๆก็เหมือนครอบครัวอื่นๆ ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ที่โรงเรียน พิเศษหน่อยก็น้องเล็กที่ชอบหอบเอากล้าผักจากชุมนุมมารบเร้าให้พี่ๆช่วย
"คุณครูจะมาตรวจด้วย" หลังบ้านจึงมีพื้นที่ส่วนหนึ่งที่ขุดเป็นแปลงสารพัดผัก
น้องเล็กตั้งอกตั้งใจรดน้ำจนถูกแซวบ่อยๆ "น้ำท่วมผัก" "ผักสำลักน้ำตาย" ที่น่าขำที่สุดก็คือผักกระหล่ำปลีห้าต้นที่น้องเล็กเธอปลูกห่างๆกันบนแปลงยอดแหลม พ่อเห็นเข้าครั้งแรกพ่ออึ้ง แต่พวกเราขำกันเบรคแตก เสียงใครคนหนึ่งบอก "กระหล่ำปลีภูเขา" น้องเล็กงอนมาก คล้อยหลังพ่อ กระหล่ำปลีภูเขากระเด็นฟุ้งกระจาย เป็นอีกตำนานที่เล่าขานไม่รู้จบเพราะวันนั้นน้องเล็กงอนไม่ยอมขึ้นบ้าน
ปกติพวกเราจะไม่ค่อยง้อใคร ใครโกรธก็จะปล่อยให้หายเอง "คนเราต้องรู้จักปรับตัว ผิดต้องรู้จักรับผิด"พ่อบอก รู้ว่าน้องเล็กไม่ไปไหนไกล พวกเราไม่เคยออกไปนอกรั้วบ้าน จนค่ำได้ยินเสียงพ่อพูดดังๆ "วันนี้เป็นวันปล่อยผี พวกผีเร่ร่อนจะมาขอส่วนบุญ" ได้ยินเสียงสบัดตัวผึงจากบ้านต้นไม้ คนหัวโหนกปรากฏร่างเจื้อยแจ้วแก้เขิน "เล็กเคยเห็นผีเปรตกับนางฟ้าตอนวันเทโว มันไม่น่ากลัว เล็กยังทำบุญให้เลย"
รุ่งเช้าทุกคนเห็นแปลงผักถูกเกลี่ยใหม่ ตอนเย็นมีผักกระหล่ำปลีมาเพิ่มอีกสองแถว น้องเล็กยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ "เมื่อวานเป็นวันปล่อยผี" พ่อยิ้มเย้าน้องเล็ก "กระหล่ำปลีบินว่อนเลยวันปล่อยผี"
ลางลางเลือนเลือน ยังเหมือนฝัน
วารวันยังผ่านผัน มิร้างหาย
ยังติดยังตรึง ยังคิดถึงมิวาย
ยังย้ำคำคล้าย คำย้ำคำเยือน
|